
รฟท. เดินหน้าเปิดประมูลจัดหาโบกี้ 946 คัน พ.ค. 69 หลัง ครม. อนุมัติเงินกู้กว่า 2 พันล้าน
ผู้ว่าการ รฟท. เผยแผนประมูล “รถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า” เพิ่มขีดความสามารถขนส่งระบบราง เดือนพฤษภาคมปีหน้า หลังครม. อนุมัติให้กู้งบวงเงินกว่า 2 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ยืมเงิน 2,459.98 ล้านบาท เพื่อจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 946 คัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าทางราง โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาแหล่งเงินลงทุนและการค้ำประกัน
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.), กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.), สำนักงบประมาณ (สงป.), และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒนาการฯ) ได้พิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง โดยมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น สคร. เห็นว่า รฟท. ควรกู้เงินในประเทศเพื่อจัดหารถ โดยรับภาระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน
ล่าสุด นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ รฟท. เปิดเผยว่า หลังจากนี้ รฟท. จะเร่งดำเนินการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 และเปิดประกวดราคาได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2569 จากนั้นจะพิจารณาผลการประกวดราคาและลงนามในสัญญาภายในเดือนกันยายน 2569 โดยตั้งเป้าเริ่มประกอบรถโบกี้ล็อตแรกได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2570
โครงการจัดหารถโบกี้นี้จะช่วยทดแทนแคร่บรรทุกสินค้าชุดเก่าที่ใช้งานมายาวนาน และรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสอดรับกับการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่และโครงการรถไฟสายใหม่ รวมถึงแผนฟื้นฟู รฟท. ซึ่งจะเสริมศักยภาพในการรองรับสินค้าหนัก เช่น เกลืออุตสาหกรรม ปุ๋ย เม็ดพลาสติก และน้ำตาล โดยรถโบกี้รุ่นใหม่จะมีพิกัดบรรทุก 62 ตัน รองรับได้ 2 ตู้ต่อคัน ซึ่งเป็นที่นิยมในภาคอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน รฟท. มีรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าจำนวน 1,062 คัน แบ่งเป็น ขนาดพิกัดบรรทุก 39 ตัน 146 คัน ขนาดพิกัด 45-50 ตัน 608 คัน และขนาดพิกัด 62 ตัน 308 คัน การจัดหารถเพิ่มเติม 946 คันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งได้มากกว่า 9 ล้านตันต่อปี และเสริมประสิทธิภาพในการขยายตลาดขนส่งสินค้า
โครงการนี้ยังเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่ราง (Shift Mode) เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
แผนส่งมอบรถโบกี้จะมีทั้งหมด 5 ล็อต ดังนี้
- ล็อต 1 จำนวน 154 คัน (ทดลองวิ่งตุลาคม 2570, ใช้งานเส้นทางไอซีดี – แหลมฉบัง มกราคม 2571)
- ล็อต 2 จำนวน 165 คัน (เริ่มใช้มกราคม 2572 เส้นทางหนองคาย – แหลมฉบัง 132 คัน และอรัญประเทศ – แหลมฉบัง 33 คัน)
- ล็อต 3 จำนวน 198 คัน (เริ่มใช้มกราคม 2573 เส้นทางเชียงของ – แหลมฉบัง 99 คัน และนครพนม – แหลมฉบัง 99 คัน)
- ล็อต 4 จำนวน 264 คัน (เริ่มใช้มกราคม 2574 เส้นทางหนองคาย – แหลมฉบัง)
- ล็อต 5 จำนวน 165 คัน (เริ่มใช้มกราคม 2575 เส้นทางหาดใหญ่ – แหลมฉบัง 99 คัน และอุบลราชธานี – แหลมฉบัง 66 คัน)
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากแหล่งผลิตไปยังศูนย์ขนส่งทางราง เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง (SRTO: Single Rail Transfer Operator) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก