
“อนุทิน” ส่งซิก! ทบทวน “รถไฟฟ้า 20 บาท” ชี้ต้องไม่ขาดทุน–รักษาวินัยการคลังเข้ม
นายกฯ “อนุทิน” แตะเบรกโครงการเรือธงรัฐบาลก่อนหน้า “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ย้ำจุดยืนรัฐบาลใหม่ต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ชี้โครงการต้องอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง ไม่สร้างภาระงบประมาณอุ้มขาดทุนรายปี ส่งสัญญาณชัดถึงนักลงทุนและผู้ประกอบการ “คนลงทุนต้องเสี่ยงเอง”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคภูมิใจไทยว่า วันนี้ (9 ก.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความชัดเจนว่าจะสานต่อโครงการ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ที่รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ริเริ่มหรือไม่
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้ามาดูกันประชาชนได้ประโยชน์แน่นอน แต่ต้องย้อนกลับไปพิจารณาว่าที่ผ่านมาทำแล้วจะส่งผลรวมต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างไรบ้าง ไม่ใช่บางโครงการทำขึ้นมาแล้ว ไปซื้อมาแล้วขาดทุนอันนี้ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง และทำให้โครงการอยู่รอดเองได้ด้วย
“ไม่ใช่ 20 บาท ทุกปีก็ต้องมานั่งหาส่วนต่าง มาตั้งเป็นงบประมาณ มันไม่ใช่ แล้วก็ไปซื้อกิจการจากคนลงทุนมา เพราะดูแล้วไรเดอร์ชิป (Ridership) อาจจะไม่ตรงไปซื้อมาอย่างนี้ก็ไม่ใช่ คนลงทุนก็ต้องเสี่ยง” นายอนุทิน กล่าว
อย่างไรก็ดี การให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน เกิดขึ้นภายหลังที่วุฒิสภา มีมติเอกฉันท์รับหลักการสองร่างเป็นกฎหมายที่เชื่อมโยงกับนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” คือ ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และ ร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือ พ.ร.บ.รฟม.
โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม กำหนดหลักการสำคัญ 5 ประการ ได้แก่
1. กำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกหน่วยสามารถนำไปใช้และให้ประชาชนใช้บริการได้ด้วยบัตรเดินทางใบเดียว
2. ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม
3. จัดตั้ง “กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม”
4. กำหนดสิทธิของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตในการขอรับการสนับสนุนจากกองทุน
5. ในกรณีจำเป็นเพื่อรักษาการให้บริการหรือป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชน ให้สามารถตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ได้ โดยต้องเจรจาและทำความตกลงกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามความเหมาะสม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
วุฒิสภา รับหลักการ “พ.ร.บ.ตั๋วร่วม–รฟม.” ผ่านวาระ 3 “หวยเกษียณ”