
ค่าขนส่งทางถนนลด! ครั้งแรกรอบ 5 ไตรมาส เหตุฝนตก–แข่งดุ–น้ำมันทรงตัว
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผย ดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลง 0.3% จากช่วงปีก่อน เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส เหตุความต้องการขนส่งลดช่วงฤดูฝน แข่งขันรุนแรง และต้นทุนดีเซลทรงตัว คาดแนวโน้มไตรมาส 4 ยังถูกกดดันต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ต.ค.68) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ. สนค.) เปิดเผยว่า ภาพรวม ดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ไตรมาสที่ 3 ปรับลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากช่วงฤดูฝน ความต้องการขนส่งสินค้าลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลในประเทศซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของภาคการขนส่งยังทรงตัว และคาดว่าดัชนีฯ จะยังคงปรับตัวลดลงในระยะต่อไป
ดัชนีตามกิจกรรมการผลิต ไตรมาสที่ 3 ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 โดยหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลง 1.6% เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรลดลง ส่วนหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลง 0.2% จากการลดลงของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง และถ่านหินและลิกไนต์ ขณะที่หมวดอุตสาหกรรม ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ในส่วนของ ดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 โดยรถกระบะบรรทุกลดลง 0.1% รถตู้บรรทุกลดลง 0.2% รถบรรทุกของเหลวลดลง 0.7% และรถบรรทุกเฉพาะกิจ ลดลง 0.8% ส่วนดัชนีค่าบริการขนส่งโดยรถบรรทุกวัสดุอันตราย สูงขึ้น 0.5% รถพ่วงสูงขึ้น 0.1% และรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัสดุยาวทรงตัว
นายนันทพงษ์ กล่าวอีกว่า การปรับลดของดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนนในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส เป็นผลมาจากปัจจัยหลักหลายประการ ได้แก่ ต้นทุนด้านพลังงานของผู้ประกอบการยังทรงตัว ปริมาณการขนส่งสินค้าที่ลดลงในช่วงฤดูฝน และการแข่งขันที่รุนแรงในภาคการขนส่ง กระทบผู้ประกอบการไม่มีอำนาจกำหนดราคาค่าบริการได้มากนัก ต้องยอมปรับลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยชะลอตัว จากภาวะไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ส่งผลกระทบให้การจ้างขนส่งวัสดุก่อสร้างมีปริมาณลดลง
สนค. วิเคราะห์แนวโน้มดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ไตรมาสที่ 4 คาดว่า จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนการดำเนินงานหลักของผู้ประกอบการขนส่ง มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบกับผู้ให้บริการขนาดเล็กและขนาดกลาง ต้องเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกิน ทำให้มีการตัดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งกดดันให้ราคาค่าขนส่งโดยรวมลดลง รวมทั้งภาคการขนส่งอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้อุปสงค์ในการอุปโภคและบริโภคสินค้าลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ความผันผวนของระบบเศรษฐกิจ จากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความต้องการอุปโภคและบริโภค อาจเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี รวมทั้งผู้ประกอบการและผู้ค้าปลีก อาจเร่งระบายสต๊อกสินค้าและส่งมอบสินค้าให้ทันก่อนวันหยุดยาว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ดัชนีไม่เป็นไปตามที่คาดได้
นายนันทพงษ์ แนะนำว่า จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นภาครัฐและผู้ประกอบการขนส่ง ควรเร่งพิจารณาถึงความท้าทายใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาถึง ผู้ประกอบการควรพิจารณาปรับกลยุทธ์ใช้รูปแบบการขนส่งที่หลากหลายมากขึ้น เพิ่มทางเลือกและลดความเสี่ยงขณะที่ภาครัฐควรเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางรางและทางน้ำ การส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการวางแผนเส้นทางที่แม่นยำ และการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลกลาง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงทีรองรับความต้องการในยุคดิจิทัล และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคโลจิสติกส์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว