“คีรี” เชียร์รัฐรวบคืนสัมปทาน “รถไฟฟ้า” BTS พร้อมร่วมมือ หวังลดภาระประชาชน

ประธานบีทีเอส หนุนแนวคิดรัฐบาลรวมระบบเดินรถไฟฟ้าและซื้อคืนสัมปทาน มองเป็นแนวทางสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ประชาชน พร้อมย้ำเอกชนพร้อมร่วมมือ หากช่วยให้โครงการเดินหน้าได้จริง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ต.ค.68) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า ได้ทราบว่ารัฐบาลนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีแนวนโยบายที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและลดภาระค่าโดยสาร โดยจากข่าวระบุว่า ค่าโดยสารอยู่ที่ 40 บาทต่อวัน สามารถเดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยว

มองแล้วคล้ายกับว่าจะถูกกว่า 20 บาทต่อเที่ยว และอยากจะเป็นเจ้าภาพเอง นายคีรี กล่าว พร้อมระบุว่า แนวทางดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะสะท้อนว่ารัฐบาลมองเห็นทั้งเรื่องความสะดวกและความคุ้มค่าที่ประชาชนจะได้รับจากต้นทุนค่าโดยสารที่ลดลง

จริง ๆ แล้วเมื่อ 30 ปีก่อน มีผมคนเดียวที่กล้าคิดและลงทุนเอง ลงทุนไปเกือบ 50,000 ล้านบาท ซึ่งในความจริงธุรกิจลักษณะนี้ควรเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลควรเป็นผู้ลงทุน วันนี้เห็นว่ารัฐบาลมองเห็นจุดนี้แล้ว ความจริงมีความคิดตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วใช้ 20 บาทต่อเที่ยว ส่วนรัฐบาลนี้มองว่า 40 บาทต่อวันอาจดีกว่าสำหรับประชาชน ผู้โดยสาร แน่นอน ถ้ารัฐบาลทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคมและประชาชน เราไม่มีความคิดอื่น นอกจากร่วมมือเต็มที่กับทางรัฐบาลให้เรื่องนี้เกิดขึ้น นายคีรี กล่าว

กรณีที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่าจะมีการซื้อคืนสัมปทานและจ้างเอกชนรายเดิมเข้ามาเดินรถ นายคีรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมาปรึกษาหรือเจรจา แต่เท่าที่ทราบ แนวทางของรัฐบาลคือจะรวมทุกเส้นทางและให้รัฐเป็นเจ้าภาพเอง ซึ่งในความเป็นจริง ทุกสายก็เป็นของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่แล้ว ยกเว้นสายสีเขียว ส่วนสายสีชมพู สายสีเหลือง และสายสีน้ำเงิน

เอา 4 สายนี้รัฐบาลเอากลับไป แล้วก็จ้างผู้ที่มีสัมปทานอยู่แล้วบริหาร เพราะไม่อย่างนั้นรัฐบาลต้องไปเริ่มใหม่ ไปจ้างคน ไปเทรนคน ก็คงใช้วิธีที่จะเลือก ถ้าอย่างนั้นก็จะได้เอกชนที่เดินรถในวันนี้ จริง ๆ เมืองไทยเราเดินรถ การบริหารต่าง ๆ ใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ได้แพ้ใครเลย นายคีรี กล่าว

นายคีรี กล่าวอีกว่า แนวทางการซื้อคืนสัมปทานอาจต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยอาจใช้วิธีให้เอกชนเป็นผู้กู้เงินจากธนาคารก่อน และให้รัฐบาลเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ย

ทีนี้คำว่าซื้อกลับไปอาจต้องใช้เงินก้อนหนึ่ง ซึ่งจะพยายามให้เอกชนเนี่ย คล้าย ๆ กับติดไว้ก่อน แต่ผมยังไม่แน่ใจจริง ๆ ได้ไหม วิธีนี้เอกชนต้องการใช้เงิน ต้องไปกู้จากแบงก์ คือซื้อไปแล้วยังไม่จ่าย ดอกเบี้ยก็ต้องจ่าย ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ถ้าเอกชนจะไปกู้จากแบงก์ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ก็ Back to Back ก็เท่ากับว่าเอกชนเป็นคนไปกู้ ถ้าอยากจะได้เงินเข้ามาหมุนเวียน ลงทุน เข้ามาบริษัท ทุกสายต้องใช้เงินจากสถาบันการเงินทั้งนั้น ติดหนี้เยอะแยะเหมือนกัน ถ้าขายหรือให้สัมปทานคืนไปแล้ว ก็ต้องมีเงินมา แต่ถ้าใช้วิธีช่วยกันก็อาจจะเอกชนเป็นคนไปกู้ โดยรัฐบาลจ่ายดอกเบี้ย เชื่อว่าเดินหน้าไปอีก 30 ปี เงินนี้ก็ติดอยู่นี่ จากรายได้ของค่าโดยสาร เชื่อว่าผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีกแยะเลยทีเดียว ก็จะค่อย ๆ ทยอยจ่ายมาให้เราได้ หรือว่าถึงวันหนึ่งก็จ่ายให้ทั้งก้อนจากเงินที่รับไป คือนี่เป็นวิธีคิดแต่ผมยังไม่แน่ใจ เป็นความคิดที่สร้างสรรค์ ถ้าจะช่วยกันเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพื่อประโยชน์ของผู้โดยสาร ผมคิดว่าเป็นวิธีคิดที่ดีเลยทีเดียว เราก็จะพยายามพิจารณาเข้าไปร่วมมืออย่างเต็มที่ถ้าเป็นไปได้ นายคีรี กล่าว

เมื่อถามถึงวงเงินที่รัฐบาลต้องใช้ในการซื้อคืนรถไฟฟ้า นายคีรี กล่าวว่า ไม่สามารถประเมินแทนรัฐบาลได้ เนื่องจากตนเป็นผู้สร้างและเป็นผู้รับสัมปทาน

หากจะร่วมมือกัน อย่างน้อยต้องชำระในส่วนที่ผมลงทุนไปตามบัญชีของบริษัท แต่ยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการ นายคีรี กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

จ่อชงครม. 18 พ.ย. เคาะบัตรเหมาจ่ายรายวันรถไฟฟ้า “สายสีแดง–ม่วง” 40 บาท

Back to top button