
ธปท.จ่อชงคลังสู้บาทแข็ง ขยายเพดานรายได้ ตปท.ไม่ต้องรีบโอนกลับไทย
ธปท.เผยเงินบาทแข็งราว 1% ตามดอลลาร์อ่อน รับแรงขายเงินตราต่างประเทศและเงินทุนไหลเข้าพันธบัตร เดินหน้าเสนอคลังปรับกฎรายได้ต่างประเทศ พร้อมเข้มงวดธุรกรรมทองเพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ธ.ค. 68) นางสาวพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประมาณ 1% จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ตามการปรับคาดการณ์แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายเงินตราต่างประเทศของผู้ส่งออก และเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตร รวมถึงการขายเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัททองคำ หลังราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่า 4%
ทั้งนี้ ธปท. อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มเติม โดยเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อขยายวงเงินรายได้ต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับเข้าประเทศเป็น 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง จากเดิมไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในช่วงปลายปี 2568 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ภาคเอกชนในการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศ และช่วยลดแรงกดดันด้านแข็งค่าของเงินบาท
พร้อมกันนี้ ได้ปรับแนวปฏิบัติและกำชับให้สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดก่อนรับทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับทองคำ อีกทั้งเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายงานข้อมูลธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามและประเมินผลกระทบต่อค่าเงินบาท รวมถึงกำหนดนโยบายที่จำเป็นและเหมาะสมต่อไป
“ในระยะถัดไป ตลาดการเงินยังมีความไม่แน่นอนสูง ธปท. จะติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลความผันผวนของค่าเงิน เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ” นางสาวพิมพ์พันธ์ ระบุ

