เจ๋งกว่านี้มีอีกมั้ย? 10 หุ้นควรมีไว้ครอง รีเทิร์นไตรมาสเดียวเกิน 40%

คัด 10 หุ้นเน้นๆ! ควรมีไว้ครอบครอง ชูรีเทิร์นเกิน 40% ภายในไตรมาสเดียว ด้านพื้นฐานสุดแกร่ง แผนงานอนาคตก้าวไกล


คัด 10 หุ้นเน้นๆ! ควรมีไว้ครอบครอง ชูรีเทิร์นเกิน 40% ภายในไตรมาสเดียว ด้านพื้นฐานสุดแกร่ง แผนงานอนาคตก้าวไกล

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นเกิน 40% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 นับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.58 จนถึงวันที่ 31 มี.ค.59 ซึ่งได้คัดเลือกมาทั้งหมด 10 บจ. และมีหุ้นที่โดดเด่นจำนวน 4 บจ. ที่ให้รีเทิร์นเกิน 50% ดังนี้

ตารางแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น

 

อันดับที่ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ผู้ดำเนินธุรกิจสายการบินแห่งชาติที่ดำเนินธุรกิจกิจการการบินพาณิชย์ทั้งเส้นทางบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ โดย THAI เริ่มมีผลขาดทุนน้อยลง หลังบริหารต้นทุน และลดค่าใช้จ่าย อีกทั้ง THAI เป็นหุ้นในกลุ่มสายการบิน ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

อันดับที่ 2 บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งแนวราบและแนวสูง โดย POLAR นั้น ยังมีประเด็นลบเกี่ยวกับการที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรณีร่วมกันครอบงำกิจการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG

อันดับที่ 3 บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร โดย INET มีประเด็นบวกจากการที่คาดว่าจะได้รับงานวางระบบหลังรัฐบาลได้จัดให้มีการประมูล 4G อีกทั้งผลการดำเนินงานเริ่มกลับมาพลิกกำไร

อันดับที่ 4 บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือ JUTHA ผู้ดำเนินธุรกิจธุรกิจพาณิชย์นาวี บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเรือเดินทะเลของบริษัท ในเส้นทางประจำ โดยJUTHA ได้รับปัจจัยบวกจากการที่ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

อนึ่ง บจ.ดังกล่าวข้างต้นถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้านราคาหุ้นปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก สะท้อนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งผู้บริหารได้มีการวางแผนขยายธุรกิจ และบริหารงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากราคาหุ้นเกิน 40%

อย่างไรก็ตามอาจมีบาง บจ.ที่ด้านพื้นฐาน หรือผลประกอบการนั้นอาจจะทำผลงานได้ไม่ดี อีกทั้งมีปัจจัยลบจากข่าว หรือสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบราคาหุ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 58 ราคาหุ้นจึงปรับตัวลงค่อนข้างมาก แต่เมื่อราคาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และนักลงทุนเริ่มมองเห็นแผนอนาคตที่บริษัทวางแผนไว้ จึงเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นจึงกล้าที่จะเข้าลงทุนอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากภายในไตรมาสเดียว

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button