SETบ่ายแกว่งตัวแคบ 1,435 จุดกูรูแนะซื้อหุ้น Domestic plays

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นเดียวกับช่วงเช้า จากการรอติดตาม 3 ปัจจัยหลักจากภายนอกที่จะส่งผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยทั้งวันนี้จะยังแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดทั้งวันพร้อมให้แนวต้าน 1,435 จุด แนวรับ 1,420 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (15 มิ.ย.) ดัชนีแกว่งกรอบแคบในแดนบวกและลบตามตลาดหุ้นเอเชีย โดยนักลงทุนรอติดตามปัจจัยภายนอกที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุน ทั้งการประชุมเฟดในคืนนี้ว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯหรือไม่ ,การประชุม BOJ และผลโหวต Brexit โดย 3 ปัจจัยภายนอกดังกล่าวจะทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยทั้งวันนี้ยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบต่อไป พร้อมให้แนวต้าน 1,435 จุด แนวรับ 1,420 จุด

 

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบสลับกันทั้งแดนบวกและลบ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมี 3 ปัจจัยภายนอกที่นักลงทุนต่างรอติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในคืนวันนี้ว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯหรือไม่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้ รวมถึงการลงประชามติของอังกฤษเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นเดียวกับช่วงเช้า จากการรอติดตาม 3 ปัจจัยหลักจากภายนอกที่จะส่งผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยทั้งวันนี้จะยังแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดทั้งวันพร้อมให้แนวต้าน 1,435 จุด แนวรับ 1,420 จุด 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) ว่า  SET ยังคง “พักฐาน” ต่อ: โดยประเด็นหลัก ยังคงเดิม คือความกังวลว่า UK จะออกจาก EU (Brexit – อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน T-Wealth เดือน มิ.ย.) กดดันให้นักลงทุนทั่วโลกอยู่ในโหมดลดความเสี่ยง สะท้อนให้เห็นในผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (yield) ในประเทศหลัก ดังนั้น แม้ว่าระยะสัปดาห์จะยังคงมุมมองบวกว่า SET จะกลับไปทดสอบ 1,450/60 จุด แต่ระยะสั้น ประเด็น Brexit จะสร้างความผันผวนให้กับ SET ต่อไป แนะนำ Trading ในกรอบแนวรับ-ต้าน และ “เลือกซื้อ” หุ้น Domestic plays และ Consumption plays

ซื้อ “KTC”: เป็น Consumption plays ที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรม ราคายังไม่แพงและได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ โดย 1) บริษัท Turnaround มาแล้ว 1 รอบ จากการปรับปรุง Cost Structure  2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง จากการตั้ง provision ในระดับที่สูงต่อเนื่องแม้ npl จะปรับดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำให้ reserve เพิ่มมาที่ 400% 3) กำไรยังเติบโตขึ้นได้ แม้จะเริ่มตั้งงบการตลาด เพิ่ม market share ซึ่งจะทำให้ฐานกำไรในอนาคตเพิ่มขึ้น 4) Valuation ไม่แพง ที่ PE ปีนี้ 10.7x, อัตราเติบโตกำไรปี 60-61 ที่ 20-25% และอัตราเงินปันผล 3.6%,4.5%, 5.7% ในปี 59-61

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า 

AAV      มูลค่าการซื้อขาย 1,741.32 ล้านบาท ปิดที่   6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

BANPU    มูลค่าการซื้อขาย 1,634.93 ล้านบาท ปิดที่  12.90 บาท ลดลง  0.30 บาท

JAS      มูลค่าการซื้อขาย   729.44ล้านบาท  ปิดที่   5.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท

CPALL    มูลค่าการซื้อขาย   617.56 ล้านบาท ปิดที่  48.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

IVL      มูลค่าการซื้อขาย   610.24 ล้านบาท ปิดที่  31.50 บาท ลดลง  0.50 บาท

Back to top button