SETบ่ายยืนลบรอลุ้นผล Brexitชูกลุ่มรับเหมา CK-SEAFCO เด่น

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ หากแรงขายหมดไปแล้วในช่วงบ่ายตลาดฯก็มีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ ชูกลุ่มรับเหมา CK-SEAFCO เด่น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (16 มิ.ย.) ลงแรงกว่าภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่ม TIP คาดเจอแรงขายจากต่างชาติลดเสี่ยงระหว่างรอลุ้นผล Brexit ประกอบกับแต่ละกลุ่มก็มีปัจจัยกดดันส่วนตัว ทั้งกลุ่มแบงก์รับผล PromptPay กระทบกำไร, กลุ่มสื่อสารคาดรายได้ Q2/59 หด, กลุ่มพลังงานรับข่าวสต็อคน้ำมันสหรัฐฯเพิ่มขึ้น บ่ายนี้ตลาดฯยังมีลุ้นเทคนิคเคิลรีบาวน์ในแดนลบ ให้แนวรับ 1,410 แนวต้าน 1,425 จุด

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรง คาดว่าจะรับแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศ หลังจากอยู่นิ่ง ๆ มาหลายวัน อาจตัดสินใจขายลดความเสี่ยงก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ผลการทำประชามติสถานภาพของอังกฤษนสหภาพยุโรป (อียู)

นอกจากนี้ แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมยังเผชิญปัจจัยกดดันเฉพาะกลุ่ม อย่างกลุ่มแบงก์ เป็นประเด็นการนำระบบ”พร้อมเพย์” (PromptPay) มาใช้กระทบต่อกำไรโดยรวม ส่วนกลุ่มสื่อสาร จากการประชุมนักวิเคราะห์เห็นว่าแนวโน้มรายได้จะหดตัวในไตรมาส 2/59

ด้านนายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ โดยเฉพาะกลุ่ม TIP ยังอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นไทย โดยตลาดบ้านเราเจอแรงขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ภายหลังจากที่สต็อคน้ำมันในสหรัฐฯได้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าผิดคาดจากที่นักลงทุนได้เก็งไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงขายออกมาเพื่อปิดสถานะ (position) ไปก่อน

อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีความไม่แน่นอนจากเรื่องที่อังกฤษจะยังคงเป็นสมาชิกอียูต่อไปหรือไม่ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง แต่ก็อาจมีผลเกี่ยวพันกับ Fund Flow ที่ไหลเข้า-ออกได้

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ หากแรงขายหมดไปแล้วในช่วงบ่ายตลาดฯก็มีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ แต่โดยรวมตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาบ่ายนี้ดัชนีฯมีลุ้นรีบาวด์ในแดนลบ พร้อมให้แนวรับ 1,410 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (16 มิ.ย.) ว่า  กังวล Brexit กดดัน กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ (Safe Haven) ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะที่มองแนวรับ SET ที่บริเวณ 1,412 จุด ที่เป็น Gap ทางเทคนิค หรืออาจลงไปได้ถึง 1,400 +/- จุด ซึ่งยังไม่ทำให้แนวโน้ม SET เสียหาย

การ”พักฐาน”ของ SET ไม่ได้ต่างกับที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าการพักฐานจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีความขัดเจนเกี่ยวกับการทำประชามติของ UK ว่าจะออกจาก EU หรือไม่ (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

 อย่างไรก็ตามมอง Brexit กระทบต่อเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนจำกัด ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และคาดว่าการเปิดประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย, รถไฟรางคู่ 2 สาย และการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ จะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ และแนะนำ “ซื้อ” CK และ SEAFCO ที่แนวรับ 26.50-27.0 บาท และ 10.4-10.5 บาท ตามลำดับ

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

ADVANC   มูลค่าการซื้อขาย 1,358.62 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท ลดลง  5.00 บาท

PTT      มูลค่าการซื้อขาย 1,039.25 ล้านบาท ปิดที่ 314.00 บาท ลดลง  5.00 บาท

SCB      มูลค่าการซื้อขาย   866.89 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท ลดลง  3.50 บาท

KBANK    มูลค่าการซื้อขาย   783.54 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท ลดลง  5.00 บาท

BANPU    มูลค่าการซื้อขาย   751.36 ล้านบาท ปิดที่  12.40 บาท ลดลง  0.40 บาท

 

Back to top button