PTTGC รุกสร้างนวัตกรรมยั่งยืน สอดรับ 5 เมกะเทรนด์

PTTGC เดินหน้าสร้างนวัตกรรมยั่งยืน สอดรับ 5 เมกะเทรนด์ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกอนาคต เพื่อร่วมกันลดขยะ ลดก๊าซเรือนกระจก และลดโลกร้อน


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า เป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจวันนี้ ต้องคำนึงถึงอนาคตคนรุ่นหลังที่จะต้องมีทรัพยากรเพียงพอ รวมถึงมีสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจที่ดี โดย GC ในฐานะบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ดำเนินธุรกิจยั่งยืนตามหลัก ESG จึงมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมความยั่งยืนที่สอดรับกับ 5 เมกะเทรนด์ เป็นผลิตภัณฑ์ใกล้ตัวที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกอนาคต

นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

โดยเริ่มที่ Megatrends แรก ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Climate Change & Energy Transition) GC พัฒนานวัตกรรมพลาสติกเพื่อผลิตฝาบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา (Lieghtwieight Cap) และฟิล์มพลาสติกแบบบาง (Downgauging Plastic Film) ภายใต้แบรนด์ Innoplus ซึ่งลดการใช้เม็ดพลาสติก แต่ยังคงความสามารถในการใช้งาน ทั้งความแข็งแรงและคงทน  เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ด้วยน้ำหนักที่เบาลง ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงขณะขนส่ง อีกทั้งการใช้เม็ดพลาสติกน้อยลง ก็ช่วยลดการเกิดขยะ ลดก๊าซเรือนกระจก และลดโลกร้อน

นอกจากนี้ GC ยังสร้างสรรค์นวัตกรรมความยั่งยืน ผ่านการสร้างธุรกิจที่มีมูลค่าสูง (High Value Business หรือ HVB) ด้วยการเข้าซื้อกิจการ allnex ผู้นำด้านสารเคลือบ (Coating Resins) ระดับโลก ทำให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สารเคลือบสูตรน้ำ สำหรับเคลือบกระป๋องอาหารทั้งภายในและภายนอกกระป๋อง (Water Based Food Can Coating) ลดการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งจะช่วยลดโลกร้อน หรืออีกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ตอบรับเทรนด์การใช้พลังงานสะอาด คือ สารเคลือบผิวกังหันลม (Solventborne Resins)

ทั้งนี้เพื่อให้กังหันลมที่ใช้พลังลมผลิตไฟฟ้านั้นมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และใช้งานได้นานขึ้น เป็นต้น  สำหรับผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Product) GC ได้พัฒนาทุ่นติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จากพลาสติก HDPE ซึ่งจะเห็นได้ว่าพลาสติกมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน นอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังต้องช่วยให้คนทุกกลุ่มในสังคม มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย GC มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตคนในสังคม มีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการปรับเปลี่ยนสัดส่วนประชากร (Demographic Shift) รวมถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness)

โดยจะเห็นได้จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา GC ร่วมกับพันธมิตร เพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้บุคคลากรทางการแพทย์ ด้วยการนำพลาสติกใช้แล้วมาแปรรูปเป็นชุด PPE ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ที่ใช้ซ้ำได้ถึง 20 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 ของบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพื่อให้ทำหน้าที่ดูแลคนไทยในช่วงการแพร่ระบาดได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

ด้านเทรนด์การปรับเปลี่ยนสัดส่วนประชากร จะเห็นว่าไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย โดยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใส่ใจการรักษาสุขภาพ GC จึงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบความต้องการดังกล่าว เช่น  เตียงพลาสติกจากกระบวนการขึ้นรูปแบบโรโตโมลดิ้ง ซึ่งมีน้ำหนักเบา แต่คงความแข็งแรง รับน้ำหนักได้เท่ากับเตียงเหล็ก โดยกระบวนการขึ้นรูปแบบโรโตโมลดิ้ง จะลดการใช้พลาสติกเมื่อเทียบกับกระบวนการขึ้นรูปแบบอื่นๆ, ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่ทำจากพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ ที่ช่วยลดขยะ เป็นต้น

นอกจากกลุ่มผู้สูงวัย ยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่วัยทำงาน (New Gen Workforce) ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป คือ หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดีกันมากขึ้น โดย GC มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ตอบสนองความต้องการกลุ่มนี้ เช่น สินค้า Upcycling ทำจากพลาสติกใช้แล้ว, พลาสติกวิศวกรรมเพื่อนำไปผลิตเป็นอุปกรณ์กีฬาทั้งทางบกและทางน้ำ เป็นต้น

นวัตกรรมเพื่อธุรกิจยั่งยืน

สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอิมแพ็คสูง (Disruptive Technology) และการเติบโตของเมือง (Urbanization) เป็นปัจจัยสำคัญ ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้วิถีชีวิตคนเมือง ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม GC จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มีนวัตกรรมตอบโจทย์ Megatrends ดังกล่าว ที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภค เพื่อการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต  เช่น ไฟเบอร์กลาสเสริมแรงในคอนกรีต ที่มีความแข็งแรงสูง แต่มีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม, ถังเก็บน้ำบนดินขนาดใหญ่ ขึ้นรูปด้วยกระบวนการโรโตโมลดิ้ง มีน้ำหนักเบา และเป็นฉนวนความร้อนเพื่อรักษาอุณหภูมิในถังน้ำ เป็นต้น

นอกจากนี้ GC ยังมีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสนับสนุนการเดินทางในอนาคต เช่น แท่นชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ทำจากพลาสติกผสมสารหน่วงไฟ แบรดน์ Plasmate,  Oil Free Airplane Bearing (Impregnated Paper Lubricant) สารหล่อลื่นชนิดของแข็งสำหรับอากาศยาน ใช้ได้ในช่วงกว้างของอุณหภูมิ และง่ายต่อการบำรุงรักษา, Tires ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เสริมความแข็งแรง(Reinforcing Resin) และการยึดติดแต่ละชั้นผิว (Adhesive- promoter) ยืดอายุการใช้งานของยางและเพิ่มความปลอดภัย

ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยี GC และ allnex ได้พัฒนาสารเคลือบผิวในกระบวนการผลิตแผงวงจร(Coating for Printed Circuit Board ) เพื่อกำหนดเส้นทางการสื่อสารของแผงวงจรในโทรศัพท์มือถือและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ GC ลงทุนภายใต้บริษัท GC Ventures  เช่น สารเคลือบชนิดใหม่ ป้องกันน้ำและความชื้นเพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน และสมรรถนะที่ดีของอุปกรณ์ ช่วยลดขั้นตอน และระยะเวลาในการผลิต สำหรับอุปกรณ์ชิปแผงวงจรรถยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า

โดยจะเห็นว่า นวัตกรรมมีส่วนสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และการดำเนินชีวิตที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับอนาคตที่ยั่งยืนคือ ความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า กล่าวคือ ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อร่วมกันลดขยะ ลดก๊าซเรือนกระจก และลดโลกร้อน

 

Back to top button