EGCO มอบเงินบริจาค 2.5 ล้าน จัดโครงการ “เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ เป็นพลังใจให้สังคม” ปีที่ 3

EGCO จัดโครงการ เปลี่ยนของขวัญปีใหม่เป็นพลังใจให้สังคม ปีที่ 3 พร้อมบริจาคเงิน 2.5 ล้านบาท สบทบทุนให้แก่ 9 มูลนิธิ ดำเนินงานส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชนและชุมชน ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน


นายกัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานปฏิบัติการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ซึ่งดำเนินโครงการ “เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ เป็นพลังใจให้สังคม” มาอย่างต่อเนื่องในทุกเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ปี 65 ด้วยเจตนารมณ์ในการส่งต่อพลังใจความปรารถนาดี และความช่วยเหลือคืนสู่สังคมในเทศกาลแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองผ่านการเชิญชวนทุกคนร่วมเล่นมินิเกม แล้วเปลี่ยนคะแนนในเกมเป็นเงินบริจาค

โดย EGCO เป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณในการบริจาคทั้งหมดสำหรับการดำเนินโครงการ “เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ เป็นพลังใจให้สังคม ปี 3” เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 67 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถรวบรวมพลังใจจากผู้เข้าร่วมโครงการฯ และเปลี่ยนเป็นเงินบริจาครวมทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท รวมถึง EGCO ได้ส่งมอบเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิทั้ง 9 แห่ง ที่ดำเนินงานด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน และชุมชน รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว

“ทั้งนี้ EGCO ขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการร่วมดูแลและพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ “เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ เป็นพลังใจให้สังคม” ซึ่งผลสำเร็จของโครงการนี้ตลอด 3 ปี EGCO ได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิ 27 แห่ง รวมแล้วกว่า 6 ล้านบาท สะท้อนแนวทางการดำเนินงานของบริษัทที่ไม่เพียงคำนึงถึงการเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมุ่งอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ EGCO ในการเป็น บริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืนด้วยความใส่ใจที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม” นายกัมปนาท กล่าว

ขณะที่ มูลนิธิ 9 แห่ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ เป็นพลังใจให้สังคม ปี 3” คือ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โครงการ “หนึ่งหัวใจสู่ชีวิตใหม่”, มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี โครงการ “รพ.ราชวิถี ดีต่อใจ ได้ต่อบุญ”, มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ, มูลนิธิเด็ก “โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก”, มูลนิธิดวงประทีป, มูลนิธิไทยรักษ์ป่า, มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล และมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก

โดย นพ.ภาวิต ปุญญฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก กล่าวว่า มูลนิธิโรงพยาบาลเด็กยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจาก EGCO ซึ่งจะนำเงินบริจาคที่ได้รับไปสมทบทุนและดำเนินโครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” เพื่อการผ่าตัดเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่มีความผิดปกติรุนแรง

รวมถึง มีความพิการของหัวใจแบบยุ่งยากและซับซ้อนจนกระทั่งหายเป็นปกติ เนื่องจากการรักษาโรคนี้มีค่าใช้จ่ายสูงมากทำให้ผู้ป่วยบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงการผ่าตัดหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีผู้ป่วยก็มีโอกาสเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งผ่านมาโครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ได้ผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นทารกไปแล้ว 25-30 ราย

ขณะที่ นพ.อุดม เชาวรินทร์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถีจะนำเงินบริจาคที่ได้รับ ไปจัดซื้อเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ เพื่อใช้ในแผนกสูตินรีเวชศาสตร์โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งการสนับสนุนงบประมาณจากภาคเอกชนและภาคส่วนต่างๆ ในสังคมผ่านมูลนิธิฯ มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและขับเคลื่อนการดำเนินงานของโรงพยาบาลราชวิถีที่ต้องรองรับผู้ป่วยถึง 5,000-10,000 คนต่อวัน และส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะด้านการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการ

ด้าน นายสุวัฒน์ ปริญญาปริวัฒน์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายอภิวัชร บัวพันธ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่าขอขอบคุณ EGCO ที่เห็นความสำคัญและมอบเงินสนับสนุนการดำเนินงาน ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะนำไปใช้ในการจัดบริการแก่ผู้พิการทางสติปัญญาและครอบครัว ทั้งในด้านการส่งเสริมสมรรถภาพร่างกาย, การศึกษา, การฝึกอาชีพ, การเข้าสังคม และสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้ผู้พิการมีการพัฒนาตามศักยภาพและสามารถช่วยเหลือตนเองได้

โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ มีหน่วยให้บริการทั่วประเทศ 10 แห่ง บุคลากรรวม 150 คน และผู้พิการที่อยู่ในความดูแล ซึ่งมีวัยและระดับความพิการแตกต่างกันประมาณ 600 คนต่อปี ขณะที่เงินบริจาคจาก EGCO จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดูแลและสร้างประโยชน์ให้ผู้พิการทางสติปัญญาและครอบครัวต่อไป

นอกจากนี้ ผศ.ดร.วิจักขณ์ ฉิมโฉม เลขานุการมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก กล่าวว่า ขอบคุณการสนับสนุนและดีใจที่ EGCO เห็นความสำคัญของมูลนิธิศึกษาวิจัย นกเงือก ซึ่งดำเนินภารกิจในการศึกษาวิจัยรวมทั้งอนุรักษ์นกเงือกมาตั้งแต่ปี 21 โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์และดูแลนกเงือกที่มีอยู่ในธรรมชาติ เพราะเชื่อว่าการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ ย่อมง่ายกว่าการฟื้นฟูในภายหลัง

ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลนิธิฯ สามารถทำให้สังคมและชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของนกเงือกในฐานะดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า ตลอดจนสามารถฟื้นฟูประชากรนกเงือกในป่าธรรมชาติหลายแห่งของประเทศ อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เป็นต้น

Back to top button