UOB จัดงาน “Mid-Year Outlook” แนะกลยุทธ์ลงทุนครึ่งหลังปี 67

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จัดงานสัมมนา Mid-Year Investment Outlook แนะกลยุทธ์จัดพอร์ตลงทุนครึ่งหลังปี 67 รับมือความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ทั่วโลก


นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย หรือ UOB เปิดเผยว่า ได้จัดงานสัมมนา Mid-Year Investment Outlook ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้นักลงทุนทราบถึงกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนที่แข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลกในครึ่งหลังปี 2567 ขณะที่กำลังเข้าสู่ช่วงปลายไตรมาส 2/2567 ซึ่งนับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุนอย่างมากจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ รวมถึงประเทศจีนที่ได้สร้างผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่ง ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้แนะนำนักลงทุนพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีปันผลเพื่อสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ธนาคารยังแนะนำให้สร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งผ่านการลงทุนกลุ่ม Core Investment ด้วยกลยุทธ์ Multi-asset ซึ่งกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายตามภูมิภาค อุตสาหกรรม และสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางการเงินในระยะยาว รวมไปถึงการสัมมนาครั้งนี้ยังเจาะลึกไปยังกลยุทธ์การลงทุนสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพระดับโลก (global healthcare), เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) และอาเซียน เพื่อสร้างเถียรภาพให้พอร์ตในระหว่างที่ตลาดผันผวน

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอยู่ที่ 2.80% ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคครัวเรือน และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่ง นายเอ็นริโก้ ทานูวิดจายา นักเศรษฐศาสตร์ Global Economics and Market Research กลุ่มธนาคารยูโอบี ตั้งข้อสังเกตว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจจะทำให้เห็นถึงกิจกรรมในประเทศที่ชะลอตัวลงแต่การฟื้นตัวของต่างประเทศยังเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

อีกทั้งด้วยการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า ค่าใช้จ่ายภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นทางการคลังนั้น คาดการณ์ว่าจะทำให้การเติบโตของ GDP อยู่ที่ 2.80% ในปี 2567 ส่วนปี 2568 จะอยู่ที่ 3% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลัก คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของการส่งออกภาคอุตสาหกรรมและอุปสงค์ในประเทศที่มีเสถียรภาพควบคู่ไปกับการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

ด้าน นายเอเบล ลิม Head of Wealth Management Advisory and Strategy กลุ่มธนาคารยูโอบี กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างพอร์ตที่แข็งแกร่งเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวว่า เนื่องจากตลาดมีความอ่อนไหวต่อดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจท่ามกลางอัตราการเติบโตและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่แตกต่างกันนั้น การสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอผ่านการลงทุนในหุ้นปันผลเป็นสิ่งสำคัญ

ขณะที่ยังแนะนำการลงทุนหลัก อาทิ กลยุทธ์ Multi-asset และตราสารหนี้คุณภาพดี (Investment Grade) ที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวลงช้า รวมถึงการกระจายความเสี่ยงในหลายสินทรัพย์ ภูมิภาค และอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนและเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

ส่วน Top Ideas นั้นได้แนะนำ Global Healthcare สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนในหุ้น เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีลักษณะ defensive และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว ซึ่งได้รับแรงหนุนจากสังคมผู้สูงอายุและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แม้จะมีความท้าทายในระยะสั้นในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) อาเซียน และจีน ทั้งนี้ยังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางหลังภาคการบริโภคในภูมิภาคที่ฟื้นตัวและมูลค่าหุ้นในกลุ่มนี้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ

นายกิดอน กล่าวเสริมว่า ความมุ่งมั่นของธนาคารยูโอบี คือ การผสานความเชี่ยวชาญของมนุษย์เข้ากับความล้ำหน้าของดิจิทัลเพื่อมอบบริการเฉพาะบุคคล พร้อมได้แนะนำเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยลูกค้าในการสร้างพอร์ตโฟลิโอการลงทุนส่วนบุคคลโดยเรียกว่า My Wealth Planner

“เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าใจสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันและเป็นรากฐานสำหรับการลงทุนที่ยั่งยืนได้ดีขึ้น เครื่องมือ My Wealth Planner จะสร้างกรอบการลงทุนที่สามารถพาลูกค้าให้บรรลุวัตถุประสงค์การลงทุนของตนได้ ข้อมูลลูกค้าทั้งหมดจะถูกรวบรวมและประมวลผลโดย My Wealth Planner ซึ่งจะเข้าใจโปรไฟล์ความเสี่ยงในการลงทุนและจัดสรรกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนและการประกันภัย โดยเครื่องมือนี้ยังทำให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ปลอดภัยและง่ายขึ้น ทั้งยังคอยติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ” นายกิดอน กล่าว

อีกทั้งได้ฟีเจอร์ Wealth ที่เพิ่งเปิดตัวใน UOB TMRW จะช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายรวมทั้งสับเปลี่ยนกองทุนรวมได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับสามารถจัดการความมั่งคั่งผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้นักลงทุนจะสามารถเข้าถึงกองทุนต่างประเทศได้โดยตรงทำให้สามารถลงทุนโดยตรงในกองทุนรวมที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศจากบริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงถึง 14 แห่ง อาทิ Blackrock, PIMCO, JPMorgan และ Fidelity

นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้และกระจายพอร์ตการลงทุน ผ่านเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลายและผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทีมที่ปรึกษาลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญของยูโอบี พร้อมให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ทางการเงินสำหรับนักลงทุนรายบุคคล รวมถึงแนะนำผู้ลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าเข้าใจสิ่งที่กำลังลงทุน อีกทั้งคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจ

Back to top button