“ดีอี–4 หน่วยงานรัฐ” จับมือไลน์ ใช้ “Safety Check” ยกระดับเตือนภัยดิจิทัล

ดีอี ผนึก 4 หน่วยงานรัฐ จับมือ LINE ลงนาม MOU ยกระดับการเตือนภัยและเหตุฉุกเฉินผ่านบริการ “Safety Check” เพิ่มความเร็วและความน่าเชื่อถือของข้อมูลภาครัฐสู่ประชาชน


กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สนับสนุนการขับเคลื่อนความร่วมมือภาครัฐ–เอกชน จับมือ 4 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร และบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการแจ้งเตือนภัยผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล “Safety Check” ยกระดับการสื่อสารข้อมูลด้านภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉินจากภาครัฐ ให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว น่าเชื่อถือ ลดความสับสนจากข้อมูลบิดเบือนในช่วงวิกฤตผ่านบริการ “Safety Check” ที่ทุกคนใช้บริการได้บนแอปพลิเคชัน LINE

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ‘เวลา’ คือปัจจัยชี้ขาด แต่ความเร็วเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การสื่อสารและการแจ้งเตือนภัยจากภาครัฐต้องมาพร้อมความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้สถานการณ์ เตรียมพร้อม และป้องกันตนเองได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

โดยประเด็นนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลเตือนภัยฉุกเฉินด้วยกลไกที่ตรวจสอบความถูกต้องได้ พร้อมส่งต่อข้อมูลผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงง่าย รองรับการสื่อสารจากภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ระบบเตือนภัยมีความครอบคลุมและพร้อมใช้งานทั่วประเทศ โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้

ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการต่อยอดที่มุ่งสร้าง “กลไกการทำงานร่วมกัน” ระหว่างหน่วยงานรัฐและแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่จำเป็นจากภาครัฐอย่างทันท่วงที และสามารถยืนยันความปลอดภัยของตนเอง เมื่อเผชิญเหตุภัยพิบัติ ผ่านบริการ “Safety Check” ทำให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชัน LINE ที่ยกระดับระบบสื่อสารสาธารณภัยของประเทศทำให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์ เข้าถึงการดูแลความปลอดภัยในยามฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ปภ.มีบทบาทในการบริหารจัดการสาธารณภัย ผ่านการจัดทำ รวบรวม แบ่งปัน และเผยแพร่ข้อมูลภัยพิบัติอย่างเป็นทางการ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง โดย ปภ. จะมุ่งสนับสนุนข้อมูลสาธารณภัยของประเทศ

โดยจัดทำ รวบรวม ตรวจสอบ ยืนยันความถูกต้อง และเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และประกาศอย่างเป็นทางการในทุกระดับ เพื่อให้ภาคีความร่วมมือใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักในการสื่อสารสู่ประชาชน รวมทั้งให้คำแนะนำด้านเนื้อหาและภาษาสื่อสาร เพื่อให้ข้อมูลที่เผยแพร่เข้าใจง่ายและเข้าถึงประชาชนได้ทั่วถึง ตลอดจนสนับสนุนการกำหนดกลไกเชื่อมโยงข้อมูล การเผยแพร่ข่าวสาร และการฝึกซ้อม ประเมินผลการสื่อสารในภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง

นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า กสทช.มีบทบาทสำคัญในการบูรณาการเพื่อให้การแจ้งเตือนภัยเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่งเสริมให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องจากภาครัฐในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย กสทช. มุ่งสนับสนุนความร่วมมือในมิติที่เกี่ยวข้องกับระบบสื่อสารและโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมีประสิทธิภาพ เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง และทำงานได้อย่างเหมาะสมในภาวะฉุกเฉิน

อีกทั้งยังสนับสนุนการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน กสทช. และร่วมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการใช้ช่องทางดิจิทัลเพื่อติดตามข้อมูลจากภาครัฐ ยืนยันความปลอดภัย และรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างถูกต้อง

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เหตุการณ์ด้านมลพิษและอุบัติภัยด้านมลพิษจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลา เพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเองได้อย่างเหมาะสม กรมควบคุมมลพิษ จึงเป็นหน่วยงานด้านการบริหารจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ คพ.จะมุ่งสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย พร้อมให้ข้อเสนอแนะด้านการสื่อสารต่อสาธารณะ ตลอดจนร่วมประสานการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีความร่วมมือในการกำหนดกลไกเชื่อมโยงข้อมูลและการเผยแพร่ข่าวสาร รวมถึงสนับสนุนการเตรียมความพร้อม การฝึกซ้อม และการประเมินผลการสื่อสารในภาวะวิกฤต เพื่อพัฒนาการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการบริหารจัดการสาธารณภัยในพื้นที่เมืองหลวง จะมุ่งสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งในมิติ ข้อมูลและการประสานงานระดับพื้นที่ โดยทำหน้าที่ จัดทำ รวบรวม แบ่งปัน และเผยแพร่ข้อมูล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ทันเวลา และเชื่อถือได้

นอกจากนี้ กทม. จะทำหน้าที่เป็น ศูนย์กลางในการประสานงาน ระหว่างหน่วยงานภายในสังกัดกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐอื่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่เป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารเตือนภัยให้สอดคล้องกับกลไกความร่วมมือในภาพรวม

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) กล่าวว่า LINE ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนการยกระดับการสื่อสารภาวะฉุกเฉินของภาครัฐผ่านแพลตฟอร์มของ LINE เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในช่วงเหตุการณ์สำคัญได้อย่าง รวดเร็ว ถูกต้อง และครอบคลุม พร้อมช่วยให้สามารถติดตามสถานการณ์และยืนยันความปลอดภัยของตนเองได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่านบริการ “Safety Check”ภายใต้ความร่วมมือนี้ LINE จะสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลภัยพิบัติเป็นไปอย่างเหมาะสมและทันเวลา

รวมถึงสนับสนุนด้านเทคนิคและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเกิดการใช้งานบริการดังกล่าวอย่างทั่วถึง พร้อมร่วมสนับสนุนการลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนในช่วงวิกฤต ผ่านกระบวนการของแพลตฟอร์มและการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้การสื่อสารต่อสาธารณะมีความน่าเชื่อถือและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อความปลอดภัยของประชาชน

ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับระบบสื่อสารสาธารณภัยของประเทศให้ทันต่อสถานการณ์ โดยมุ่งให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลจากภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ผ่านช่องทางดิจิทัลที่ใช้งานได้จริง พร้อมต่อยอดการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความพร้อมของประเทศในการรับมือภัยพิบัติในอนาคต ซึ่งบริการ “Safety Check” จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการได้เร็ว ๆ นี้

Back to top button