NOBLE ปีนี้กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ แนะซื้อเป้าหมาย 22.62 บ.

NOBLE ปีนี้กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่แนะซื้อเป้า 22.62 บ.


บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (16 ก.พ.) ว่า กำไรไตรมาส 4/59 ของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ดีกว่าที่คาดมาก เป็น 1 พันล้านบาท ดีกว่าที่คาด 481 ล้านบาท และฟื้นตัวจาก เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ q-o-q ที่ขาดทุน ผลพวงจากการโอนคอนโดโนเบิลเพลินจิตได้มากและเป็นไตรมาสแรก รายได้เฉพาะไตรมาส 4/59 เป็น 4.2 พันล้านบาท ขณะที่ 9M59 เป็นเพียง 217 ลบ. ตลอดปี 59 พลิกเป็นกำไรถึง 682 ล้านบาท เทียบกับปี 58 ที่เป็นขาดทุน 468 ล้านบาท และถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี เพราะกำไรไตรมาส 4/59 ที่มากช่วยผลักดัน

คาดว่าผลกำไรปี 60 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ประมาณการกำไรปี 60 เป็น 1,721 ล้านบาท มากกว่าเทียบกับปี 59 ที่ 682 ล้านบาท อยู่ถึง 152% เนื่องจากมีการโอนคอนโด โนเบิลเพลินจิตเต็มปี นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะทำกำไรได้ดีกว่าคาด เพราะมีอีก 2 โครงการเริ่มโอนได้ตั้งแต่ปีนี้คือ Revolve รัชดา 1 และ Revo สีลม แต่ให้เราสัดส่วนการโอนทำได้เพียงโครงการละ 10%

คาดการณ์กำไรปี 61 ลดลง แต่ไม่ถึงกับแย่ สำหรับประมาณการปี 61 ที่คาดว่ากำไรจะลดลงถึง 33% เทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้นไม่ถึงกับน่ากังวล เนื่องจากที่ระดับกำไรปี 61 ที่ 1,147 ล้านบาท หากไม่นับปี 60 ก็ถือเป็นกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โอกาสที่ลูกค้าจะไม่มาโอนน้อย เราคาดว่าคอนโดโนเบิลเพลินจิต จะมีลูกค้าที่ไม่มาโอนน้อย เพราะที่ดินบริเวณถนนเพลินจิตขณะนี้ถือว่าได้รับความนิยมสูงมาก ล่าสุดมีการเปิดประมูลสถานฑูตอังกฤษราคาไปถึง 2.2 ล้านบาทต่อตารางวา ถือว่าสูงสุดตั้งแต่มีประเทศไทยมา อีกทั้งก็มีคอนโดที่มีระดับราคาสูงมาก เช่น 98 Wireless ของ SIRI ที่ 5.5 แสนบาทต่อ ตรม.

ขณะที่โนเบิลเพลินจิตถูกกว่า ตอนเปิดโครงการปี 54 ราคา 1.5 แสนบาทต่อตรม. ปัจจุบัน 2.5 แสนบาทต่อตรม. แต่ใกล้รถไฟฟ้า BTS เพลินจิตมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้โดยตรง มีปัจจัยเรื่องการออกแบบและวัสดุที่ใช้ด้วย อีกทั้งโครงการนี้มีการเก็บเงินดาวน์กับลูกค้าสูงคือ ประมาณ 20% โอกาสจะทิ้งดาวน์น้อย

คงคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 22.62 บาท ประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 6.0 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 40% เทียบกับราคาพื้นฐาน ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลสูงเป็น 7.0% ซึ่งใช้อัตราการจ่าย (payout ratio) ที่30% สูงกว่าปี 59 ที่จ่าย 15% โดยเราคาดว่าเมื่อบริษัทมีกำไรปี 60 ดีขึ้น ก็จะสามารถจ่ายในอัตราที่มากขึ้นได้

Back to top button