ERW ราคาหุ้นรับข่าวลบพอสมควรแล้วซื้อลงทุนระยะยาว เป้าใหม่ยังมี Upside

แม้ ERW ถูกปรับลดกำไรปี 2558 ลงจากเดิม 14% สะท้อนผลกระทบจากเหตุระเบิด แต่ปีนี้ยังมีกำไร 172 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนปกติ 173 ล้านบาทปีก่อน ด้านราคาเป้าหมายใหม่มี upside 27% ขณะที่ราคาหุ้นได้ปรับลดลงแรงรับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ส.ค.) ว่า ผู้บริหารบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ประเมินถึงเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อคืนวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นเห็นผลกระทบเฉพาะโรงแรม Grand Hyatt Erawan ซึ่งได้รับความเสียหายบางส่วนจากกระจกแตกด้านนอกอาคาร (มีประกันความเสียหายสินทรัพย์และธุรกิจหยุดชะงักคุ้มครอง) ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักล่าสุดวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 68% เทียบกับเฉลี่ย 80% ก่อนเกิดเหตุระเบิด

ขณะที่โรงแรมอื่นในกรุงเทพยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยมีการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 80% เช่นเดียวกับโรงแรมในต่างจังหวัดยังมีการดำเนินงานที่ดี โดยเฉพาะสมุยที่ได้อานิสงค์จาก High Season ส่วนที่ภูเก็ตเริ่มมียอดจองจากนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จะเข้ามาพักในช่วง High Season

โดยภาพรวมคาดหวังว่าผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเหมือนในอดีตที่ผ่านมา กล่าวคือ ภาคท่องเที่ยวจะใช้เวลา 4-6 สัปดาห์ในการฟื้นตัวสู่ปกติเพื่อเข้าสู่ช่วง High Season อย่างไรก็ดีหากประเมินผลกระทบในเชิงตัวเลข บริษัทคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลดลงจากเดิม 28.8 ล้านคน อยู่ที่ 27.6 ล้านคน แต่ ยังเพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน เนื่องจากงวด 7 เดือนแรกปี 58 มีจำนวน 17.5 ล้านคน เติบโต 19% จากปีก่อน และสมมติฐานให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ส.ค. และ ก.ย. ทรงตัวจากปีก่อน ส่วนไตรมาส 4/58 ประเมินอย่างอนุรักษ์นิยม 7 ล้านคนเท่ากับไตรมาส 4/56 ซึ่งมีการชุมนุมทางการเมือง และประกาศพ.ร.บ. มั่นคง

ขณะที่การดำเนินงานของบริษัท ปรับลดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยปีนี้ลดลงเหลือ 75% เทียบกับเป้าเดิม 78% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) เติบโตลดลงเหลือ 8% จากเดิมคาดเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน ทำให้เป้ารายได้ธุรกิจโรงแรมปีนี้เดิมคาดเติบโต 35% เหลือ 28% อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท ซึ่งระดับดังกล่าว จะยังสามารถสร้างกำไรได้ (งวดครึ่งปีแรกของปี 58 รายได้โรงแรมเติบโต 42% จากปีก่อน มีกำไรปกติ 114 ล้านบาท)

 

ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการปี 2558 สะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลให้กำไรปีนี้ลดลงจากเดิม 14% อยู่ที่ 172 ล้านบาท แต่ยังโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนปกติ 173 ล้านบาท โดยผลประกอบการไตรมาส 3/58 คาดขาดทุนเหมือน 2/58 ซึ่งเบื้องต้นประเมินจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 71% และ RevPar เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน (ล่าสุด ก.ค.-15 ส.ค. 2558 เพิ่มขึ้น 16%) คาดรายได้ธุรกิจโรงแรม 1.15 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/58 ซึ่งระดับรายได้ดังกล่าวน่าจะขาดทุน 20-30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี คาดไตรมาส 4/58 จะฟื้นตัวและพลิกกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง

 

แม้ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ความไม่แน่นอน แต่ราคาหุ้นที่ผ่านมาปรับลดลงแรงสะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ขณะที่มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2558 แม้อยู่ที่ 4.8 บาท (เดิม 6 บาท) แต่ยังมี upside 27% จึงแนะนำลงทุนระยะยาว โดยเชื่อว่าทุกหน่วยงานทังภาครัฐ และเอกชนจะช่วยเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายดีขึ้นเร็ววัน เนื่องจากภาคท่องเที่ยวยังถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย

Back to top button