
“ดาโอ” แนะซื้อ ERW เป้า 2.90 บาท ลุ้นยอดจองห้องพัก Q1/69 ฟื้น ดันรายได้โต
“บล.ดาโอ” ประเมิน ERW ได้แรงหนุนหลังยอดจองห้องพักช่วงไตรมาส 1/69 ที่ขยับขึ้นชัดเจน ทั้งอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ย สะท้อนดีมานด์ท่องเที่ยวกลับมาแข็งแรง หนุนประมาณการกำไรและโมเมนตัมฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 69 ที่ 2.90 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประชุมกลุ่ม (Group conference call) โดยภาพรวมการฟื้นตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW นักวิเคราะห์ระบุว่า ในช่วงเดือนตุลาคม–พฤศจิกายน 2565 (QTD) มีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (ReVPAR) ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่าดีขึ้นจากประมาณการเดิมที่ประเมินว่าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก ปี 2568 จะลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันคาดว่าเดือนธันวาคมจะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากระดับการปรับตัวลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อนในไตรมาส 3/2568
ทั้งนี้ ยอดจองล่วงหน้า (On the book) ของไตรมาส 1/2569 คาดว่ามีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก จะเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน จากอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) และราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับแนวโน้มปี 2569 คาดว่าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก จะกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน จากอัตราการเข้าพักที่ระดับสูงร้อยละ 80 และราคาห้องพักเฉลี่ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2–3 ต่อปี ขณะที่ธุรกิจ Hop Inn คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องที่ร้อยละ 20 ต่อปี นอกจากนี้ ตั้งแต่ไตรมาส 2/2569 เป็นต้นไป บริษัทจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นรายไตรมาส จากการปรับเปลี่ยนไปใช้สินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
บริษัทฯ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ไว้ที่ 745 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/2568 จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ของประเทศไทย
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ERW โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 2.90 บาท อิงวิธีประเมินมูลค่าด้วยกระแสเงินสดลดค่า (DCF) ตามสมมติฐานอัตราคิดลด (WACC) ร้อยละ 8.7 และอัตราการเติบโตระยะยาว (terminal growth) ร้อยละ 1.5 โดยมองว่าบริษัทมีระดับราคาซื้อขายต่ำที่สุดที่เพียง 13 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น เช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL

