TASCO : ราคา Laggard อัพไซด์มากสุดรับเต็มราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างเริ่มขยับขึ้น

โบรกฯชี้จังหวะดีซื้อ TASCO ราคา Laggard อัพไซด์มากกว่า 50% รับเต็มราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างเริ่มขยับขึ้น


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างมีสัญญาณที่ดีขึ้น กล่าวคือ ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อน (จากเดือน ก.พ. เพิ่ม 0.3%) เป็นการบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ติดลบต่อเนื่องหลายเดือน โดยหมวดสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเหล็ก ขณะที่ปริมาณการใช้วัสดุก่อสร้างนั้นมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในบางหมวด อาทิ ปูนซีเมนต์ ล่าสุดเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 6.8% (จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.3% ) และ กระเบื้องปูพื้น (+8.1%) และ เสาเข็มคอนกรีต (+8.5%) ซึ่งคาดปัจจัยหนุนน่าจะมาจากโครงการก่อสร้างขนาดเล็กที่หน่วยราชการท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณ

ราคาวัสดุก่อสร้างอีกประเภทหนึ่งที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากคือ ยางมะตอยโลก พบว่าล่าสุด เดือน เม.ย. อยู่ที่ 165 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 32% (จากจุดต่ำสุดที่ 125 เหรียญฯ/ตันเมื่อต้นปี) ซึ่งน่าจะเป็นผลจากที่จีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ ได้กลับเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง (Work Season) อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่ามา จีนเผชิญกับภาวะอากาศ ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดไป จึงทำให้ปริมาณการใช้ยางมะตอยเพิ่มขึ้นนับจากนี้ เช่นเดียวกับในประเทศที่ปริมาณการใช้ยางมะตอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ผลจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณค้างจ่ายในส่วนของกรมทางหลวงชนบท เพื่อก่อสร้าง/ซ่อมแซมถนน

ซึ่งกรณีดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO (ราคาเป้าหมายอิง PER 13 เท่า อยู่ที่ 39.00 บาท) ที่ปัจจุบันแม้มีปริมาณขายในประเทศเพียง 20% ของยอดขายรวม ที่เหลือ 80% เป็นการส่งออก (ในจำนวนนี้ 30% เป็นการส่งออกไปจีน ซึ่งได้ลดลงจากที่เคยสูงกว่า 40% โดยการกระจายไปยังตลาดอื่นๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นต้น) และเนื่องจากตลาดในประเทศจะขายยางมะตอยที่มีคุณภาพสูง โดยคาดว่าไตรมาส 1/59 ยอดขายยางมะตอยในประเทศน่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1.6-1.7 แสนตัน และยังได้คำสั่งซื้อ Bitumen Mixture จากจีนเพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยยอดส่งออกที่อยู่ในช่วง Low Season และทำให้ปริมาณขายรวมสูงกว่า 6 แสนตัน (คาดว่าจะทำกำไรระดับใกล้เคียง 1 พันล้านบาท)

ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2/59 นั้น ตลาดส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวจากตลาดอาเซียน แม้ Spread ระหว่างยางมะตอยและน้ำมันดิบ เริ่มถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ดิบฟื้นตัวแล้วก็ตาม แต่ ณ ระดับราคาปัจจุบันยังคงทำให้ TASCO สามารถทำกำไรในระดับ 5 พันล้านบาท ใกล้เคียงในปีที่ผ่านมา (ด้วยนโยบายที่มีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากต้นทุนน้ำมันราว 45% ของต้นทุนรวม) ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าปรับฐานลงมาก ทำให้ Upside เปิดกว้างว่า 50% จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อ

 

ราคาหุ้น TASCO ปิดวานนี้ (21 เม.ย.) ที่ 25.50 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 1.92% มูลค่าซื้อขาย 326.20 ล้านบาท มีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายข 52.94%

Back to top button