การทูตไทยกัมพูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาช่วงเช้านี้ ( 24 ก.ค. 68) สถานการณ์บานปลายอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เปราะบางและพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้ เวลา 08:30 น. เกิดเหตุปะทะกันบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากปะทะกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ไทย ต่อมาบริเวณเขตชายแดนของไทย เกิดเสียงปืนใหญ่ดังสนั่น เวลา 08:50 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบภ.กห. ระบุ ถึงขั้นนี้ก็ไม่คุยแล้ว ก่อนหน้านี้เราพยายามเชิญชวนให้มาคุยทวิภาคี เพื่อแก้ปัญหา หารือกันนอกเวที มอบอำนาจให้ ผบ.ทสส. ดำเนินการตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ม.39 เวลา 09:15 น. ชายแดนระอุต่อเนื่อง กัมพูชา มีการใช้อาวุธปืนยิงแตกอากาศ เข้ามาฝั่งไทย เวลา 09:47 น. กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันข้อมูลใหม่ ระบุ มีการปะทะเกิดขึ้นหลายจุด ตลอดแนวชายแดนกัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี เวลา 10 :48 น. ชายแดนเวลานี้ มีเสียงปืนใหญ่ดังรัว เป็นระยะ เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 6 ลำ เตรียมตอบโต้พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี เวลา 11:10 น. มีรายงานว่าพบประชาชนบาดเจ็บ 1 ราย รักษาการนายกสั่งตอบโต้กลับทันทีตามมาตรการทางการทูต ต่างประเทศและความมั่นคง เวลา 11:30 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวดปูพรม BM21 โจมตีพื้นที่บ้านเรือนของชาวบ้านในจังหวัดสุรินทร์ และยิงใส่ปั๊มน้ำมัน กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ และบริเวณใกล้เคียง รวม 5 จุด เบื้องต้นสถานีตำรวจภูธร กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ รายงานมีผู้เสียชีวิต 8 ราย ในที่เกิดเหตุทั้ง 5 จุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ดับเพลิง อบต. และหน่วยพยาบาล กำลังปฏิบัติหน้าที่แจ้งประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ออกห่างจากพื้นที่เกิดเหตุ เวลา 11:37 น. กระเช้าขึ้นภูกระดึงของทหารกัมพูชา ถูกทหารไทยทำลาย เวลา 12:05 น. ศบภ.กห. ให้ปิดด่านชายแดน เพื่อปกป้องอธิปไตย ดูแลความปลอดภัยของประชาชน เวลา 12:30 น. กอ.รมน. แถลงการณ์ประณามการกระทำอย่างป่าเถื่อนของกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด พร้อมประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดติการกระทำที่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคนไทย โดยคณะรัฐมนตรีตัดสินใจเป้าหมายทางการทหารและพลเรือนโต้ตอบกับกัมพูชาไทยยืนยันว่าพร้อมดำเนินการมาตรการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสากลอย่างเหมาะสม