ดัชนีราคารถยนต์มือสอง

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ธปท. ประกาศดัชนีราคารถยนต์มือสอง เดือน ก.ย. 25 เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ธปท. ประกาศดัชนีราคารถยนต์มือสอง เดือน ก.ย.68 อยู่ที่ 68.94 เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) โดยแบ่งเป็น ดัชนีราคารถยนต์นั่งมือสองที่ 87.68 เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) และดัชนีราคารถยนต์บรรทุกมือสอง ที่ 58.01 เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับฝ่ายนักวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองเป็นบวกจากดัชนีราคารถยนต์มือสองที่ฟื้นตัวได้ 1% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สวนทางจากฤดูกาลที่ช่วงครึ่งหลังของปี 68 จะต่ำกว่าครึ่งปีหลัง และยังเพิ่มขึ้นได้เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะดัชนีราคารถยนต์นั่งมือสองที่เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากโครงการคุณสู้เราช่วยช่วยหนุน ประกอบกับหนี้เสีย (NPL) ของกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณขายรถยึดหายไป ซึ่งจะทำให้มูลค่าของผลขาดทุนรถยึดในปี 2568 มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารที่มีสินเชื่อเช่าซื้อ ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยเรียงธนาคารที่มีสัดส่วน สินเชื่อเช่าซื้อจากมาก-น้อยคือ เช่น ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP (45% ของสินเชื่อรวม), บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO (44% ของสินเชื่อรวม), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB (29% ของสินเชื่อรวม), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY (20% ของสินเชื่อรวม), บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB (6% ของสินเชื่อรวม) อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิจัยมองว่าขาดทุนรถยึดไตรมาส 4/68 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ตามฤดูกาล โดยยังคงน้ำหนักการลงทุนเป็น “มากกว่าตลาด” โดยเลือก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท และ SCB โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 150 บาท เป็น Top pick และคาด KKP โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74 บาท) จะได้รับ sentiment เชิงบวกจากประเด็นนี้มากที่สุด จากสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อและมีสินเชื่อรถมือสองมากที่สุดในกลุ่ม