ตลาดหุ้นพฤษภาคม

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ประเมินตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด จากแรงกดดันทางการเมืองภายในและความไม่คืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยยังไม่มีความคาดหวังต่อความคืบหน้าในการเจรจาดังกล่าว เนื่องจากทั้งสองประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง จึงไม่น่าจะเร่งตกลงกันในระยะสั้น ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย และความไม่ชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรี ส่งผลให้ตลาดไทยมีแนวโน้มอ่อนแรงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค CGSI คาดการณ์ว่า ดัชนี SET อาจปรับขึ้นไม่มาก แม้จะมีปัจจัยบวกจากกระแสเงินทุนที่อาจไหลเข้ากองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน TESGX ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนโอนเงินจากกองทุน LTF เดิม เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท โดยช่วงโอนจะอยู่ในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2568 ทั้งนี้ มีเงินลงทุนในกองทุน LTF รวมกว่า 1.53 แสนล้านบาท โดยคาดว่าประมาณครึ่งหนึ่งจะถูกโอนไปยัง TESGX และอีกครึ่งอาจรอจังหวะขายคืนหน่วยลงทุน โดยล่าสุดมีการไถ่ถอน LTF แล้ว 3.8 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ TESGX ราว 1 หมื่นล้านบาท ด้านประมาณการผลประกอบการไตรมาส 1/2568 Bloomberg consensus คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยจะเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 36% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุดคือ กลุ่มปิโตรเคมีและรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวและวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มกำไรเติบโตต่ำสุด ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการเป้าหมายดัชนี SET ณ สิ้นปี 2568 ที่ 1,200 จุด คิดเป็น P/E 13.4 เท่า หรือ -1SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic defensive และ High yield play เพื่อรับมือกับความผันผวนทางการเมืองและความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลอาจช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปี