พรชัย ฐีระเวช ผู้

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 ก.ค.68) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังที่ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผ่านมาตรการสินเชื่อ ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน, สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ, สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ สินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ รวมถึงสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2566 – 17 ก.ค.2568 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 84,061 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 2,543.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินการ ณ วันที่ 3 ก.ค.2568 จำนวน 1,246 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 28.87 ล้านบาท ส่วนเรื่องการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด (เจ้าหนี้นอกระบบ) ปัจจุบันได้เปิดให้เจ้าหนี้ยื่นขอประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ปัจจุบันมีเจ้าหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบพิโกไฟแนนซ์ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ณ มิ.ย. 2568 มีนิติบุคคล บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้ว 1,155 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 5,181,808 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 51,566.73 ล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 376,237 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 7,547.20 ล้านบาท นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินขอเชิญชวนผู้ที่ยังไม่เคยมีประวัติกู้เงินกับธนาคารมาก่อน ให้เข้าร่วมโครงการ สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ซึ่งเป็นนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประกอบอาชีพอิสระ อาชีพค้าขาย เป็นลูกจ้างโรงงาน บริษัทเอกชน รับจ้างทั่วไป หรืออาชีพอื่นๆ ที่มีแหล่งรายได้ เพื่อสร้างประวัติเครดิตทางการเงินที่ดีในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้กู้ทำให้ต่อไปขอกู้ได้ง่ายขึ้นเพราะธนาคารเห็นประวัติการเป็นลูกหนี้ที่ดีมีความน่าเชื่อถือ จึงมีโอกาสกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือได้วงเงินกู้มาก ขึ้นในอนาคต โดยโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ให้วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 20,000 บาท หากผู้กู้สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ครบภายในเวลา 12 เดือนตามเงื่อนไข ผู้กู้จะได้มีประวัติเครดิตที่ดี และต่อไปสามารถขอวงเงินกู้เพิ่มได้สูงสุดถึง 50,000 บาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กำลังเร่งตรวจสอบและแก้ไขความคลาดเคลื่อนของระบบการคำนวณหนี้ใหม่การหักบัญชีเงินฝากของผู้กู้ยืมเงินเพื่อชำระเงินคืนแบบอัตโนมัติ (Auto debit) เฉพาะผู้กู้ที่คำนวณหนี้ใหม่แล้วยังมียอดหนี้ค้างชำระ เนื่องจากมีการหักซ้ำซ้อนในบางราย หรือหักเงินเกินยอดที่ต้องชำระ จนปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ว่าผู้กู้บางรายมีการชำระหนี้เกินกว่างวดที่ต้องชำระนั้น กยศ.จึงขออภัยและจะเร่งคืนเงินที่หักเกินพร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมผู้กู้เร็วที่สุดภายใน 3 วัน เพื่อให้ผู้กู้ที่ได้รับผลกระทบไม่เสียประโยชน์ และจะเร่งหาเครื่องมือช่วยตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก