ฟ็อกคอน

สำนักข่าว ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ฟ็อกคอน ผู้ผลิตอุปทานของแอปเปิ้ล ได้เริ่มกระบวนการผลิตไอโฟน 15 ที่โรงงานในศรีเพรุมบูดูร์ ประเทศอินเดียแล้ว หลังจากที่ได้มีการกระจายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน เพื่อลดความเสี่ยงทางการเมืองในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น นโยบายจำกัดการส่งออกสารกึ่งตัวนำ หรือ ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีความมั่นคงไปยังจีน โดยก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย. สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานว่า ไอโฟนจากทั้งหมดเกือบ 7% ถูกผลิตขึ้นที่อินเดีย แอปเปิ้ลได้เพิ่มกำลังการประกอบในอินเดียเป็นมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่ประสิทธิภาพของอินเดียในการประกอบไอโฟนจะตามหลังจีนราว 6 ถึง 9 เดือน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าไอโฟน 15 รุ่นใหม่ที่จะประกาศเปิดตัวในเดือน ก.ย.นี้ ในรุ่นโปรจะมีการอัพเกรดกล้องและหน่วยประมวลผลที่ดีกว่าเดิม ด้านราคาหุ้นแอปเปิ้ล (NASDAQ : APPL) จากเว็ปไซต์ตลาดหลักทรัพย์แน็สแด็ก ปัจจุบันตกลงมาอยู่ที่บริเวณ 176 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 197 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกและแนะนำซื้ออย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มรายรับที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 60 จนมาถึงปีล่าสุด (64) ประมาณ 3.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดขายไอโฟนกว่า 200 ล้านเครื่องต่อปี คิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้รวมทั้งหมด และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มมากกว่าเดิมในปีนี้ ทั้งนี้ ตัวเลขกำไรในปีล่าสุด (65) อยู่ที่ 1.14 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดการณ์ว่าจะน้อยลงในปีนี้โดยสาเหตุหลัก ๆ ยังมาจากการขาดแคลนชิปที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างจีน และสหรัฐ ด้านบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่างแอปเปิล เคยประกาศก่อนหน้านี้ถึงความพยายามในการกระจายฐานการผลิตสินค้านอกจากประเทศจีน เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งแผนการดังกล่าวของแอปเปิลก็สอดคล้องไปกับนโยบายของ นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ที่กำลังพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น และต้องการให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางฐานผลิตแห่งใหม่ โดยเป้าหมายของแอปเปิ้ลในปีนี้ คือ ต้องการจำนวนสินค้าส่งออกจากอินเดียและจีนอยู่ในระดับเดียวกัน หรืออยู่ในปริมาณใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ดี บลูมเบิร์กรายงานว่า ซัพพลายเออร์บางส่วนยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้หรือไม่ ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ด้านบทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า จากการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 5 ครั้งล่าสุด พบว่า ก่อนเปิดตัว 1, 2 และ 3 สัปดาห์ มี 3 หุ้นที่ให้ผลตอบแทนหลังเปิดตัวดี คือมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงเฉลี่ย 60% ขึ้นไป คือ SPVI, CPW, JMART ในกรอบ 0.82% - 13.2% ส่วนหลังเปิดตัว 1, 2 และ 3 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดี คือมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงเฉลี่ย 60% ขึ้นไป คือ COM7, SPVI และ CPW ในกรอบ 0.38%-9.56% ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์ KCS มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นจำหน่าย iPhone อาทิ COM7, CPW, SPVI, SYNEX, JMART แต่เชิงเทคนิคอลระยะสั้นก่อนเปิดตัวเน้นไปที่ SPVI ราคาเป้าหมายคอนเซนซัส 5.3 บาท ส่วน CPW ราคาเป้าหมายคอนเซนซัส 4.5 บาท ขณะที่ JMART ราคาเป้าหมาย 22 บาท