สุณี เสรีภาณุ

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวีนที่ 28 ตุลาคม 2568 โดยมี นางไขศรี เนื่องสิกขาเพียร ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในที่ประชุม ร่วมด้วย นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานกรรมการบริหาร นายลักษณะน้อย พึ่งรัศมี ประธานกรรมการตรวจสอบ และนายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติงบการเงินประจำปีบัญชี 2568 (1 กรกฎาคม 2567-30 มิถุนายน 2568) ซึ่งเป็นปีที่บริษัทมีผลประกอบการ ท็อปฟอร์มต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิ 760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18% เพิ่มขึ้นจาก 17.3% ของปีก่อน และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 63.9% สะท้อนความแข็งแกร่งด้านการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงาน จากผลประกอบการที่โดดเด่น คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังของปีบัญชี 2568 อีก หุ้นละ 0.41 บาท ส่งผลให้รวมทั้งปีบริษัทจ่ายปันผลรวม หุ้นละ 0.96 บาท โดยได้จ่ายไปแล้วในครึ่งปีแรก หุ้นละ 0.55 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลรวมเกือบ 100% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่านโยบายการจ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ บริษัทจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปีบัญชี 2568 สะท้อนความแข็งแกร่งของแบรนด์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของแม็คกรุ๊ป แม้เศรษฐกิจโดยรวมยังท้าทาย แต่บริษัทสามารถรักษาการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม และขยายช่องทางจำหน่ายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ “นอกจากนี้ แนวโน้มยอดขายในช่วงปลายปีมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น คนละครึ่งพลัส และมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างโอกาสให้บริษัทเข้าถึงผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ผ่านร้านแม็คที่ตั้งในศูนย์การค้าและสถานีบริการน้ำมัน ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ” นายแมทธิว กล่าวเสริม แม็คกรุ๊ปมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรักษาความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการและแบรนด์ที่ยืนยาวกว่า 50 ปีต่อไป