หุ้นเมกะแคป

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในกรอบแคบและปิดลบในวันพุธ (11 มิ.ย. 68) จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมชะลอตัวต่ำกว่าคาด แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกมาประกาศยุติการเจรจาการค้ากับจีนในเบื้องต้น แต่ตลาดยังรอรายละเอียดเชิงลึก ขณะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กลับมากระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนอีกระลอก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,865.77 จุด ลดลง 10 จุด หรือ 0.0026% ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,022.24 จุด ลดลง 57 จุด หรือ 0.27% ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,615.88 จุด ลดลง 11 จุด หรือ 0.50% ตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับฐานของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นเมกะแคป อย่าง Nvidia, Apple และ Alphabet ที่ถูกขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ Nasdaq ร่วงมากกว่าดัชนีอื่น แม้ทรัมป์จะโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม Trust Social ว่าข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน “ได้ข้อสรุปแล้วในเบื้องต้น” โดยจีนจะส่งแร่หายากล่วงหน้า และสหรัฐฯ จะผ่อนปรนข้อจำกัดสำหรับนักเรียนจีน แต่นักลงทุนยังรอความชัดเจนในรายละเอียด เช่น โครงสร้างภาษี การค้าสินค้าเกษตร และไทม์ไลน์การดำเนินการจริง ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อน และ 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งสัญญาณว่าแรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลาย หนุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยตลาดประเมินโอกาสดังกล่าวอยู่ที่ราว 68% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงแตะระดับ 4.416% ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กลับมาเป็นปัจจัยลบ หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้รับคำสั่งอพยพออกจากสถานทูตในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันและกระทบต่อทิศทางการลงทุนในตลาดการเงิน