อรพินทร์ เพชรทัต

4 พ.ย. 2567 กฟผ.ออกประกาศให้บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ เป็นผู้ชนะประมูลงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินเหมืองแม่เมาะ มูลค่า 7,250 ล้านบาท แต่ 19 พ.ย. 67 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สั่งระงับการเซ็นสัญญา และ 25 ธ.ค. 67 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกฟผ. โดยมอบหมายพล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษรเป็นประธาน ต่อมา คำอุทธรณ์ของบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ที่สอบตกรอบคุณสมบัติ ก็ถูกปัดตกไปโดยคณะกรรมการอุทธรณ์ แต่รัฐมนตรีพลังงาน ก็ยังไม่สั่งยกเลิกการสอบสวน และยังคงแขวนการเซ็นสัญญา จนกระทั่ง ใกล้ถึงเวลาพิจารณาค่าไฟงวด 2 (พ.ค.-ส.ค. ปี 68) เต็มที ผลการสอบสวนถึงออก โดยเลขานุการรมว.พลังงาน มีหนังสือแจ้งผู้ว่าฯ กฟผ.เมื่อ 7 มี.ค. 68 แจ้งผลการสอบสวนเป็นที่ยุติ ไม่พบการทุจริตแต่ประการใด... แต่ก็ตั้งข้อสังเกตถึงกฎระเบียบในกรณีจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษของกฟผ. มีความหละหลวมหลายประการ แต่ก็ไม่ได้สั่งห้าม เพียงแต่แจ้งในหนังสือ “ให้คู่กรณีพึงใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการต่อไปเอง” หนังสือลงนามโดยนางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการฯ แต่ตอนคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ลงนามโดยนายพีระพันธุ์ ช่วงเวลา นับแต่กฟผ.ประกาศผู้ชนะประมูล 4 พ.ย. 67 จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 137 วันหรือกว่า 4 เดือนแล้ว สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ยังไม่รู้จะเซ็นสัญญากันได้เมื่อไหร่ และค่าไฟฟ้างวด 2 จะเป็นเท่าไหร่ สูตรที่ 1 หน่วยละ 4.15 บาทเช่นปัจจุบัน สูตรที่ 2 หน่วยละ 4.95 บาท และสูตรที่ 3 หน่วยละ 5.16 บาท อันเนื่องมาจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงถ่านหิน มีราคาต่ำที่สุด ตกไม่ถึง 2 บาท และเป็นตัวถัวเฉลี่ยต้นทุนกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ ที่มีราคาสูง ให้มีราคาค่าไฟต่ำลงด้วย ข้อท้วงติงของรมต.พีระพันธุ์ที่ว่า สถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับราคาและการขาดแคลนก๊าซอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่เกิดขึ้นจริง จึงไม่มีความจำเป็นที่กฟผ.จะเปิดประมูลโดยวิธีราคาพิเศษ โดยแท้จริงแล้ว กฟผ.ก็ดำเนินงานตามการคาดการณ์ของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า LNG หรือก๊าซธรรมชาติเหลวจะมีราคาแพงและขาดแคลน จึงมีมติให้แผนการปลดระวางโรงไฟฟ้าแม่เมาะโรงที่ 8-11 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 หาใช่เป็นเรื่องกฟผ.ดำเนินการโดยพลการแต่อย่างใดไม่ นอกจากนั้น ในความเป็นจริง แม้สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะไม่ส่งผลกระทบให้ก๊าซขาดแคลนและมีราคาสูงมาก แต่ราคา LNG นำเข้าก็ยังสูงกว่าราคาก๊าซอ่าวไทยอยู่ดี และในปัจจุบันสัดส่วนการนำเข้าก็ปาเข้าไป 56% แล้ว ผลิตได้ในประเทศแค่ 44% เอง ย้อนผลงานตรึงราคาพลังงานของรมต.พีระพันธุ์ที่ผ่านมา มิได้เกิดจากการแก้ไขเชิงโครงสร้าง เช่น ปรับราคารับซื้อไฟที่ไม่เป็นธรรมแต่ประการใด แต่ใช้วิธีโยนภาระให้ปตท.และกฟผ.ไปแบกรับต้นทุนแทน ซึ่ง 2 รัฐวิสาหกิจนี้ จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเจ้านายรัฐมนตรีสั่งมา แต่หนนี้รมต.พีระพันธุ์ พลาดจริง ๆ ที่ไปดึงเกมประมูลจนล่าช้ามากว่า 4 เดือน แล้วก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่รู้มีเจตนาแอบแฝงเรื่องผลประโยชน์ใดด้วยหรือเปล่า แต่ค่าไฟงวด 2 นี้คงต้องแพงกว่าปัจจุบันที่ 4.15 บาทแน่ ๆ ชาญชัย สงวนวงศ์