แนะนำหุ้น

นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 พ.ค.68) มีโอกาสรีบาวด์ต่อเนื่อง และสามารถทะลุระดับแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,250 จุดได้สำเร็จ และมองเป้าหมายถัดไปไว้ที่ระดับ 1,300 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนและสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกทั่วโลก ทั้งนี้ ประเมินแนวต้านระยะสั้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไว้ที่ 1,235 จุด ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1,198 จุด พร้อมแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก เนื่องจากหุ้นขนาดเล็กยังมีความผันผวนสูงจากแรงเก็งกำไร แม้ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบริษัทจดทะเบียนบางกลุ่มเริ่มฟื้นตัว แต่หลายอุตสาหกรรมยังคงเผชิญภาวะกำไรลดลง จึงควรเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง สำหรับหุ้นเด่นที่แนะนำในวันนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ราคาเป้าหมาย 24 บาท แนะนำ "ถือ" หรือ "ซื้อเล่นรอบ" โดยเน้นยืนแนวรับบริเวณ 22.10–22.00 บาท หากยืนได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 22.60 และ 23.00 บาท โดยควรตัดขาดทุนหากราคาต่ำกว่า 22 บาท บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ปัจจุบันราคาลงมาต่ำมาก แนะนำว่าในกรณีที่ถือหุ้นอยู่ให้ "ถือ" หรือ "ซื้อเพิ่ม" ลุ้นทดสอบแนวต้านที่ 103.50 และ 107 บาท ส่วนกรณีที่ยังไม่มีหุ้น สามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยเน้นแนวรับที่ 101 และ 99–98.50 บาท ไม่ควรหลุดต่ำกว่าระดับดังกล่าว บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เริ่มมีสัญญาณบวกจากข่าวเกี่ยวกับการย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ประเทศไทย แนะนำ "ถือ" หรือ "ซื้อระยะสั้น" โดยเน้นแนวรับที่ 3.10–3.00 บาท หากราคาหลุดต่ำกว่าควรขายเพื่อลดความเสี่ยง บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่แสดงความแข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง โดยมีแนวโน้มเป้าหมายราคาที่ 37–40 บาท แนะนำ "ถือ" หรือ "ซื้อระยะสั้น" โดยให้แนวรับไว้ที่ 32–31.50 และ 30 บาท หากราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้ควรพิจารณาขายลดความเสี่ยง สุดท้าย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีแรงเก็งกำไรสูง แนะนำ "ถือ" หรือเก็งกำไรระยะสั้น โดยเน้นแนวรับที่ 4.60–4.54 และ 4.44 บาท หากต่ำกว่าควรขายเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเน้นกลยุทธ์เลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังมีความผันผวนและความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก แม้สัญญาณเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในระยะสั้นก็ตาม