โครงการแนวราบบน

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า การพัฒนาแบรนด์เคฟ (KAVE) ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของแอสเซทไวส์ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่เปิดตัวโครงการแรกจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดโครงการเคฟทาวน์ สเปซ (Kave Town Space) และเคฟทาวน์ ชิฟท์ (Kave Town Shift) ก็สามารถปิดการขาย 100% เป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้คีย์ซักเซสของ ASW ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์แคมปัส คอนโดฯ และการเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” ครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์แนวราบและแนวสูงเกิดจากความเข้าใจถึงความต้องการของเจเนอเรชั่น Z โดยมุ่งออกแบบฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยมี Facilities ครบทุกมิติ ทั้งติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายกับการใช้ชีวิต มอบความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับผู้พักอาศัย และสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มแคมปัสคอนโดฯ ที่มีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Yield) สูงถึง 8-10% จึงมีดีมานด์จากนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะดีมานด์แคมปัส คอนโดฯ ใกล้สถานศึกษาที่เติบโตอย่างโดดเด่น สะท้อนจากโครงการ KAVE Condo ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหลังเปิดภาคเรียน โดยมีล่าสุดโครงการใหม่ Kave Town Colony ม.กรุงเทพ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 1,083 ยูนิต ซึ่งได้เปิดให้จองครั้งแรกรอบ VVIP EVENT เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา สร้างสถิติวันเดียวสร้างยอดขายถึง 42% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด หรือคิดเป็น 70% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขายจากจุดเด่นของโครงการที่อยู่ติดมหาวิทยาลัย และราคาขายเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงการที่มีส่วนสำคัญต่อการผลักดันยอดขายรวมของบริษัทในปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 44 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 32 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 8,207 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง