DividendPlay

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ นักกลยุทธ์ตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ และสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2568 ว่า ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้น 1-2% หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยส่งสัญญาณว่ามีโอกาสสูงที่จะมีการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนกันยายน และอาจมีโอกาสปรับลดลงอีกครั้งในเดือนตุลาคม โดยมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,265-1,270 จุด และหากผ่าน 1,275 จุดไปได้ ก็อาจไปได้ถึง 1,285 จุด โดยมีแนวรับที่ 1,255 จุด และ 1,245 จุด อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในครั้งนี้จะถูกจำกัดอยู่ เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศและการไหลออกของเงินทุน ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 26 ส.ค.68 MSCI Rebalance จะใช้ราคาปิดวันพรุ่งนี้เป็นเกณฑ์ ซึ่งหุ้น OR และ HMPRO ถูกปรับออกจากกลุ่ม Global ลงสู่ Small Cap อาจมีแรงขายต่างชาติราว 5,000–6,000 ล้านบาท นอกจากนี้วันที่ 29 ส.ค.68 ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ซึ่งผลที่ออกมาอาจสร้างความผันผวนต่อบรรยากาศการลงทุน โดยกรณีไม่ผิด:หากนายกฯสามารถปฏิบัติงานต่อได้คาดว่าตลาดจะตอบรับในเชิงบวก และอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น ส่วนกรณีถูกวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่ง จะเกิดความผันผวนและการแกว่งตัวของตลาด อีกระยะหนึ่งและอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการเลือกนายกฯคนใหม่ ซึ่งจะยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่อง ส่วนกลยุทธ์การลงทุนและธีมที่น่าสนใจเนื่องจากปัจจัยภายในที่จำกัดการปรับขึ้นของตลาด จึงแนะนำให้ เน้นการเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวกและธีมการลงทุนที่น่าสนใจ 4 ธีมหลักดังนี้ 1.ธีมหุ้นที่มีผลประกอบการโดดเด่น (EPS Play) หุ้นแนะนำในกลุ่มนี้ ได้แก่ ADVANC, BCPG, GULF, SCC และ TIDLOR 2.ธีมหุ้นที่มีเงินปันผลสูง (Dividend Play) หุ้นแนะนำในกลุ่มนี้ ได้แก่ PTT, SIRI,HMPRO และ TTB 3.ธีมหุ้น Global Play เป็นกลุ่มหุ้นที่แนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ หุ้นแนะนำในกลุ่มนี้ ได้แก่ HANA และ KCE 4.ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยแนะนำ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น AP และ SIRI,กลุ่มค้าปลีก/การเงิน: เช่น MTCC และ TIDLOR และกลุ่มโรงไฟฟ้าเช่น GULF และ GPSC