GLD

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นกลุ่ม SET ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 4 เดือนแรก ปี 68 โดยเปรียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.67 – 30 เม.ย.68 ซึ่งพบ 30 หลักทรัพย์ ที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 10% อาทิ NCAP, M-PAT, TFG, F&D, S11, PT, TSTE, AMC, BTG, BCPG, ROCK, GLD, TEAMG, IP, PM, FM, NYT, TPCS, OCC, AIE, CPF, MCS, TSTH, PROUD, SNC, BRR, AURA, PQS, MIT และ JCK ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่ม SET ดังกล่าวปรับตัวขึ้นชนะ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ช่วงวันที่ 30 ธ.ค.67 ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,400.21 จุด ขณะที่ ณ วันที่ 30 เม.ย.68 ปิดอยู่ที่ระดับ 1,197.26 จุด ปรับตัวลดลง 202.95 จุด หรือ 14.49% โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 68 ดัชนีตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากหลากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐจีน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่กดดันดัชนีโดยรวมในช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ข้อมูลราคาหุ้นในช่วง 4 เดือน พบว่ามีหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หากพิจารณาทั้งในแง่ของการปรับตัวของราคาและสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจจากนักลงทุนต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว และสามารถคัดเลือกออกมาเป็นหุ้นเด่นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ NCAP, TFG, BTG, FM และ CPF โดยมีรายละเอียดที่เป็นปัจจัยสนับสนุน ดังนี้ บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP โดยในวันที่ 30 เม.ย.68 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 2.70บาท ขณะที่ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.67 ปิดอยู่ที่ระดับ 1.46 บาท ปรับตัวขึ้น 84.93% ทั้งนี้ NCAP คาดการณ์ว่าภาพรวมปี 2568 บริษัทประเมินแนวโน้มความต้องการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ยังคงแข็งแกร่ง มุ่งเน้นไปที่สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ซึ่งคาดว่าพอร์ตสินเชื่อสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 เม.ย.68 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.35 บาท ขณะที่ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.67 ปิดอยู่ที่ระดับ 3.38 บาท ปรับตัวขึ้น 58.28% โดย บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่ายังคงแนะนำ “ซื้อ” TFG ราคาเป้าหมาย IAA Consensus ที่ 5.60 บาท โดยประเมินแนวโน้มไตรมาส 1/68 มีปัจจัยหนุนการเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน จากราคาสุกรในประเทศและเวียดนามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Supply ทั่วโลกลดลงจากโรค ASF ขณะที่สถานการณ์หมูเถื่อนในไทยคลี่คลายไปแล้ว ส่วนไตรมาส 2/68 กำไรน่าจะดีต่อเนื่องจากราคาสุกรยังสูง ขณะที่แนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง สำหรับปี 68 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเตรียมขยายสาขาร้าน "ไทยฟูดส์ เฟรซ มาร์เก็ต" ให้มีจำนวนสาขา 600 แห่ง จากปีที่ผ่านมาที่มี 401 แห่ง ช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจ ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 4.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 เม.ย.68 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 23.70 บาท ส่วนวันที่ 30 ธ.ค.67 ปิดอยู่ที่ระดับ 18.80 บาท ปรับตัวขึ้น 26.06% โดย บล.อินโนเวสท์ เอกช์ ระบุว่า BTG มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกําไรที่ยังแข็งแกร่ง โดยไตรมาส 1/68 คาดการณ์มีกําไรปกติ 1.65 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับลดลง 126 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 และเพิ่มขึ้น 73% จากไตรมาสก่อนหน้า และจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 ทรงตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากราคาสุกรใน ประเทศที่สูงขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำในไตรมาส 2/68 บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 เม.ย.68 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 4.42 บาท ส่วนวันที่ 30 ธ.ค.67 ปิดอยู่ที่ระดับ 3.76 บาท ปรับตัวขึ้น 17.55% โดยเป็นผลมาจากทิศทางธุรกิจที่เติบโต ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง FM ที่ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 68 เติบโต 12-15% แตะ 7,722 ล้านบาท มาจากความต้องการ (demand) ที่เพิ่มขึ้น และ supply ไก่ที่ลดลงในอเมริกาและ eastem ยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนกระบาด ส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ส่งออกไทย ซึ่งบริษัทคาดการณ์ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดย ธุรกิจ CAV ไก่แปรรูปปรุงสุก ตั้งเป้าเติบโต 20-25% จาก demand ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งประเทศญี่ปุ่นค่าเงินเยนเริ่มแข็งค่าคาดส่งผลต่อ demand ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีการขยายเพิ่มกำลังการผลิต 11% มาอยู่ที่ 30,000 ตัน จากปีที่ผ่านมามีกำลังการผลิต 27,000 ตัน เพื่อรองรับการเติบโต และคาดปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 26,000 ตันเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 21,0000 ตัน จากการขยายตลาดส่งออกและอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ๆในญี่ปุ่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 เม.ย.68 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 26.50 บาท ส่วนวันที่ 30 ธ.ค.67 ปิดอยู่ที่ระดับ 22.80 บาท ปรับตัวขึ้น 16.23% โดยเป็นผลมาจากทิศทางธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าถึง CPF คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 จะรายงานกำไรสุทธิ 4,569 ล้านบาท เติบโต 296.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,152 ล้านบาท และเติบโต 9.5% จากไตรมาสก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,173 ล้านบาท ขณะที่คาดยอดขายไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 143,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 29.50 บาท