DSI ออกหมายเรียก “STARK-4 บริษัทย่อย” รับทราบข้อกล่าวหา “ร่วมทุจริต”

DSI ออกหมายเรียก"STARK-4 บริษัทย่อย" รับทราบข้อกล่าวหา "ร่วมทุจริต" 25-29 ก.ย.นี้ หลังรวบรวมพยานหลักฐาน-รสอบสวนพยานบุคคลเกี่ยวข้องกว่า 110 ราย


สืบเนื่องจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ดำเนินคดีกับบุคคลและนิติบุคคลจำนวนทั้งสิ้น 10 ราย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตทางการเงินของ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK  โดยที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาครบทั้งหมดแล้ว โดยบางส่วนทยอยเข้ารับทราบข้อหา พร้อมยื่นเอกสารแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง ขณะที่นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ บริษัท สตาร์คฯ ยังคงอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับนั้น

โดยความคืบหน้าวันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ก.ย.) บัญชีเฟซบุ๊ก “DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ“ ได้โพสต์ข้อความระบุใจความว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคล จำนวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK, บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด บริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในระหว่างวันที่ 25 – 29 กันยายน 2566 นี้ หลังจากได้รวบรวมพยานหลักฐานโดยทำการสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว จำนวน 110 ราย อาทิ กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เป็นต้น รวมทั้งมีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในบัญชีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ และบัญชีของผู้ต้องหา นั้น

ด้านนางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า สาเหตุที่คณะพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่ 5 บริษัทนี้ เนื่องจากทั้งบริษัท สตาร์คฯ บริษัท เฟ้ลป์ดอด์จฯ บริษัท อดิสรสงขลา บริษัท ไทย เคเบิ้ลฯ และ บริษัท เอเชีย แปซิฟิค ดริลลิ่ง เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำงบการเงินอันเป็นเท็จ และเกี่ยวข้องกับการโอนหรือรับเงินเพื่อนำมาล้างลูกหนี้การค้าอันเป็นเท็จ ในส่วนของนายวนรัชต์ ก่อนหน้าได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และมารายงานตัวตามกำหนดนัดหมายแล้ว โดยเบื้องต้นมีการแก้ข้อกล่าวหาโดยปฏิเสธว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำการตบแต่งงบการเงิน และตนเองไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ส่วนรายละเอียดจะมายื่นคำให้การพร้อมส่งมอบเอกสารประกอบการแก้ข้อกล่าวหาต่อไป ส่วน ณ ตอนนี้ดีเอสไอออกหมายเรียกผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 11 ราย เข้ารับทราบข้อหาแล้ว 5 ราย หลบหนี 1 ราย คือ นายชนินทร์ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน เจ้าตัวยังไม่ได้ติดต่อประสานมายังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการมารับทราบข้อหาอีก 5 ราย (นิติบุคคลทั้ง 5 บริษัทดังกล่าว)

นางพิชญา เผยถึงความคืบหน้าของการติดตามอายัดทรัพย์สินในคดีเพิ่มเติม ว่า ในส่วนของทรัพย์สิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบในส่วนเงินดิจิทัล โดยมีการสอบถามไปยัง Exchange ทั้งหมดแล้ว หากพบและเข้าข่ายว่าเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะดำเนินการยึด/อายัดต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ ทราบว่า การออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่ 5 บริษัทดังกล่าว เนื่องมาจากคณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบเอกสารพยานหลักฐานต่างๆ ตลอดจนมีการสอบปากคำพยานบุคคลหลายราย จนพบว่าทั้ง 5 บริษัทมีส่วนร่วมในการทุจริตตกแต่งบัญชีจริง โดยมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จึงเป็นเหตุให้ออกหมายเรียกนิติบุคคลทั้งหมดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามวันและเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยังคงอยู่ระหว่างการติดตามยึด อายัด รายการทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อสำหรับเฉลี่ยคืนผู้เสียหายในภายหน้า

Back to top button