
OR โกยกำไร Q1 โต 18% ทะลุ 4.3 พันล้าน รับยอดขายน้ำมัน-อเมซอนพุ่ง พ่วงเฮดจิ้งหนุน
OR รายงานงบไตรมาส 1/68 โต 18% ทะลุ 4.3 พันล้านบาท รับยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น และคาเฟ่อเมซอนหนุน รวมถึงเฮดจิ้งหนุน
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัท OR รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 4,379.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,723.20 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของกำไร ได้แก่ รายได้จากการขายและให้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,688 ล้านบาท หรือ 1.0% จากปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 230 ล้านลิตร (+3.6%) แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
ในส่วนของ ธุรกิจตลาดพาณิชย์ ปริมาณจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้น 299 ล้านลิตร (+7.7%) ในเกือบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากเที่ยวบินระหว่างประเทศ ตามนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของภาครัฐ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าทั้งเดิมและใหม่ ตลอดจนการชนะการประมูลจัดจำหน่ายน้ำมันดีเซลให้แก่ลูกค้ามาตรา 7
สำหรับ ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ปริมาณจำหน่ายปรับลดลง 69 ล้านลิตร (-2.6%) โดยหลักมาจากน้ำมันดีเซลที่ลดลง ในขณะที่น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
รายได้จาก ธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 61 ล้านบาท (+1.6%) จากการขยายสาขาและการเติบโตของยอดขายสินค้า Non-Beverage ขณะที่ รายได้จากธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4 ล้านบาท (+0.2%) จากการขยายเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ
ในส่วนของ ธุรกิจต่างประเทศ รายได้จากการขายและให้บริการปรับเพิ่มขึ้น 1,600 ล้านบาท (+12.4%) จากปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นรวม 143 ล้านลิตร (+31.8%) แม้ราคาขายเฉลี่ยจะลดลง โดยยอดขายในฟิลิปปินส์เติบโตโดดเด่นจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ กัมพูชามียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากน้ำมันเตาและน้ำมันอากาศยาน แม้ยอดขายดีเซลจะลดลง ขณะที่ใน สปป. ลาว ปริมาณจำหน่ายเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำมันดีเซล รวมถึงยอดจำหน่าย Café Amazon ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
EBITDA เพิ่มขึ้น 311 ล้านบาท (+5.0%) โดยหลักจากการปรับปรุงกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรในกลุ่มธุรกิจ Global ทั้งใน สปป. ลาว ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี กลุ่มธุรกิจ Mobility มีกำไรเฉลี่ยต่อลิตรลดลง แม้ว่าปริมาณจำหน่ายน้ำมันโดยรวมจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน
ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิลดลง โดยเฉพาะค่าจ้างบุคคลภายนอก และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลโดยรวมให้ OR มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 657 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 17.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา