“โรม” จ่อสอย “หมอไห่” พ้นประธาน กสทช. เหตุขาดคุณสมบัติชัดเจน ลุยส่งเรื่องนายกฯ สั่งปลด

รังสิมันต์ โรม กมธ.มั่นคงฯ ฟันธง นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติชัดเจน เตรียมทำหนังสือถึงนายกฯ ขอให้พ้นจากตำแหน่ง หลังพบข้อสรุปจากรายงานวุฒิสภาชุดก่อนหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมพิจารณาคุณสมบัติของ นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ค้างคามานานและเป็นที่ถกเถียงกันว่าประธานกสทช.มีคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งเป็นประธานหรือไม่ เพราะหากไปดูตั้งแต่รายงานของวุฒิสภาชุดก่อนนั้นอาจไม่มีคุณสมบัติและไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานได้ ในฐานะที่ตนเป็น ส.ส.นั้นเคยตั้งกระทู้ถามสด

โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้มาตอบและนำรายงานได้ส่งไปให้รัฐมนตรี เพื่อให้รับทราบตามรายงานของสว. ซึ่งหากประธานกสทช.ขาดคุณสมบัติจริง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต้องมีการขึ้นทูลเกล้าเพื่อให้ประธานกสทช.พ้นจากตำแหน่ง แต่ติดปัญหาคือตอนนี้ไม่ทราบว่าทางนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งในวันนี้ได้มีการเชิญกรรมการกสทช. รัฐบาล เข้าชี้แจงเพื่อให้ได้ความชัดเจนว่าประธานกสทช. มีคุณสมบัติในการทำหน้าที่หรือไม่ เพราะมีผลกระทบกับประเทศชาติในหลายมิติ เพื่อที่จะหาข้อยุติให้สำเร็จในวันนี้

เมื่อถามว่าเรื่องนี้สามารถเอาผิดประธานกสทช.ได้หรือไม่ นายรังสิมันต์เผยว่า สามารถเอาผิดได้ แต่ก่อนที่จะไปสู่จุดนั้น ต้องดูด้วยว่าการเป็นประธาน กสทช.นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือหากไม่มีคุณสมบัติในการนั่งนั้นก็ต้องมีกระบวนการตามกฎหมายคือนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าให้พ้นจากตำแหน่ง แต่หากนายกฯไม่ทำนั้นนายกจะมีความผิดหรือไม่ ส่วนขั้นต่อมาคือหากกสทช.มีมติไปแล้วจะมีผลทางกฎหมายอย่างไร ซึ่เรื่องนี้จะเป็นหนังม้วนยาวที่เป็นไปทีละขั้น

ต่อมาเวลา 13:30 น. ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมกมธ.ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้า ว่า ผลการพิจารณาของประธานกสทช. นั้น  กรรมาธิการได้รับข้อมูลรายงานศึกษาของกรรมาธิการไอซีทีของวุฒิสภาชุดที่แล้วที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆและชี้ชัดในลักษณะว่าประธานกสทช. คนปัจจุบันขาดคุณสมบัติจริงซึ่งเท่าที่พิจารณาไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้และเมื่อไม่มีข้อโต้แย้ง ก็ถือข้อเท็จจริงตามที่รายงานของกรรมาธิการชุดที่แล้วพิจารณา โดยกระบวนการของส.ว. ชุดที่แล้วนั้นผ่านกรรมาธิการจนแล้วเสร็จเหลือเพียงการดำเนินการส่งขึ้นทูลเกล้าเพื่อขอให้เปลี่ยนแปลงประธานกสทช. โดยกระบวนการนั้นยังแล้วเสร็จ เพราะวุฒิสภาชุดก่อนได้หมดวาระลงไป

ซึ่งทางกรรมาธิการมั่นคงได้มีการหารือกันว่าจะมีการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ชี้แจงในฐานะที่เป็นผู้เสนอขึ้นทูลเกล้าฯ โดยเบื้องต้นได้รับทราบจากที่ปรึกษากรรมาธิการว่าเรื่องปัญหาของประธานกสทช.เคยมีประชาชนร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีเป็นเวลากว่าหกเดือนซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับข้อมูล และทาง ตัวแทนจากกระทรวงดิจิทัลก็ไม่ได้ชี้แจงว่ารัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร เพราะเวลานั้นล่วงเลยและอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ

ซึ่งภายในอาทิตย์หน้าทางกรรมาธิการจะมีพูดคุยว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยมีทางเลือก คือ ร้องไปยังหน่วยงานภายนอกอย่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  หรือหน่วยงานภายนอกที่ดำเนินหารเพื่อรักษากฎหมายต่อไป โดยคาดว่าในอาทิตย์หน้าน่าจะได้ข้อยุติ

Back to top button