
OR วิ่ง 4% แย้มไตรมาส 2 ธุรกิจ “ไลฟ์สไตล์” โตเด่น ลุ้นปิดดีลใหม่ Q3
OR บวก 4% มองแนวโน้มไตรมาส 2 ธุรกิจ Lifestyle ยังเติบโต ยอดขายร้าน “อเมซอน” พุ่ง ขณะที่ดีลใหม่คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนต้นไตรมาส 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 พ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ณ เวลา 14:32 น. อยู่ที่ระดับ 13บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4% สูงสุดที่ระดับ 13.20 บาทต่ำสุดที่ระดับ 12.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 306.60 ล้านบาท
ด้าน น.ส.วิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน OR เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาดีลทั้งธุรกิจ Lifestyle และ ธุรกิจ Mobility โดยคาดว่าในช่วงต้นไตรมาส 3/68 จะเริ่มเห็นความชัดเจนดีลใหม่ในธุรกิจ Lifestyle เกี่ยวกับร้านประเภทบริการด่วน (Quick Service) ขณะที่ความคืบหน้าการร่วมทุนกับพันธมิตร อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าพันธมิตรที่เข้ามาจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในด้านใดบ้าง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการจับมือเร็ว ๆ นี้
ด้าน น.ส.ปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ OR กล่าวว่า แม้แนวโน้มกลุ่มธุรกิจ Mobility ในไตรมาส 2/68 จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และปัจจัยฤดูกาล ทำให้ปริมาณจำหน่ายน้ำมันอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ธุรกิจ Lifestyle ยังได้รับอานิสงส์จากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน ส่งผลทำให้ยอดขายร้าน Cafe Amazon ดีขึ้นมาก ซึ่งคาดว่าจะยังสามารถรักษาระดับยอดขายขั้นต่ำ 100 ล้านแก้วได้ในไตรมาสนี้
สำหรับยอดขายน้ำมันของ OR ทั้งปี 68 คาดว่าปริมาณขายจะเติบโตอยู่ในกรอบการเติบโตของ GDP ไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะปรับลดประมาณการ GDP ของไทยลงเหลือเฉลี่ย 1.8% และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าจะเติบโตเพียง 1.3-2.0% เนื่องจากคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีการค้าสหรัฐ แต่การเติบโตของ GDP ประเทศเพื่อนบ้านที่ OR เข้าไปลงทุนจะสูงกว่าไทย ทำให้ธุรกิจในต่างประเทศยังมีโอกาสสร้างปริมาณขายน้ำมันให้เติบโตได้
ทั้งนี้ OR ประเมินแนวโน้มราคาพลังงานในช่วงที่เหลือของปีในกรอบ 50-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจัยภายนอกมีความเสี่ยงหลายด้านที่จะส่งผลต่อราคาพลังงาน ทำให้ธุรกิจน้ำมันยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาระดับ Inventory ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด Stock loss และยังหาโอกาสในการทำ Hedging ในบางผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงด้านราคา
ด้านทิศทางเศรษฐกิจจากการคาดการณ์การเติบโตของ IMF ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 68 ขยายตัว 0.8% ชะลอตัวลง โดยหลักจากสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและจีนชะลอตัวลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย รวมทั้งราคาพลังงานผันผวนและกระทบต่อนโยบายการเงิน รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม กัมพูชากำลังเปิดสนามบินแห่งใหม่ เชื่อว่าจะทำให้ปริมาณขายน้ำมันอากาศยานของ OR ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวไทย แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วยนักท่องเที่ยวอินเดียและตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เที่ยวบินมาไทยยังสูงขึ้น และปริมาณน้ำมันอากาศยานยังเติบโตได้ใปนี้ โดยคาดว่าปีนี้ปริมาณขายน้ำมันอากาศยานจะกลับมาเท่าระดับก่อนโควิด-19
ทั้งนี้ แม้ปัจจัยภายนอกยังมีความเสี่ยง จากสงครามการค้า ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่สงครามการค้าส่งผลกลับมาที่เศรษฐกิจไทย ทำให้การส่งออกอ่อนแอ กระทบกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งจะมีผลทางอ้อมกับบริษัท อย่างไรก็ตามเชื่อว่าธุรกิจ Lifestyle โดยเฉพาะธุรกิจกาแฟ ที่บริษัทดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำทำให้สามารถควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้ และทำให้สามารถรักษาระดับ EBITDA ธุรกิจ Lifestyle ได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง