
ATMPs Sandbox MEDEZE กับ ก้าวย่างสำคัญของวงการแพทย์ไทย
การประกาศ MOU ระหว่าง MEDEZE กับกระทรวงสาธารณสุข โดยโครงการ ATMPs Sandbox กับ รพ.วชิระภูเก็ต ถือเป็นการทลายความเชื่อ ที่ไม่เชื่อในเรื่องของการใช้ Stem Cell ในการรักษา
การประกาศ ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE กับกระทรวงสาธารณสุข โดยโครงการ ATMPs Sandbox กับ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ถือเป็นการทลายความเชื่อ ที่ไม่เชื่อในเรื่องของ การใช้ Stem Cell ในการรักษา ที่มีการต่อต้านกันมาก่อนหน้านี้
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาในวงการแพทย์ของประเทศไทย เนื่องจากสิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้ เป็นการดำเนินการในเรื่องของ “อนาคต” เป็นเทรนด์ใหม่ และอาจกลายเป็น “เครื่องยนต์ใหม่” ของประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นทางการ
การเริ่มต้นดังกล่าว มีรูปแบบ จากการจัดตั้ง “คณะกรรมการเฉพาะกิจ” เพื่อรองรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง หรือที่เรียกว่า ATMP (Advanced Therapy Medicinal Products)
โดยจะเริ่มเขียนแผนงานวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยมี 3 โครงการวิจัยหลัก คือ
1.การรักษาอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมด้วยเซลล์จากไขมันของผู้ป่วยเอง
2.การฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเซลล์จากไขมันของตนเอง เพื่อชะลอวัยและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
3.การรักษาผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ที่ไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัด ด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันจากร่างกายของผู้ป่วยเอง
ทั้ง 3 โครงการนี้จะใช้ระยะเวลาวิจัยประมาณ 6 เดือน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนก่อนเริ่มทดลอง อาทิ การยื่นข้อเสนอโครงการ, ผ่านคณะกรรมการจริยธรรม, และยื่นเอกสารเพื่อขอขึ้นทะเบียนยาในฐานะผลิตภัณฑ์ใหม่ทางการแพทย์ (Investigational New Drug)
เมื่อผ่านทุกขั้นตอนแล้ว จะสามารถเริ่มเปิดรับอาสาสมัครทดลอง ได้ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะคนในพื้นที่ และไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โครงการนี้จะมีการติดตามผลจนถึงช่วงกลางปีหน้า
หากผลการวิจัยแสดงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ชัดเจนในเชิงสถิติ เราจะสามารถ ยื่นขึ้นทะเบียนยา ได้ และเมื่อขึ้นทะเบียนสำเร็จ ผลิตภัณฑ์ก็จะสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในสถานพยาบาลของไทยและต่างประเทศ
ยกตัวอย่างโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม ที่เราเชื่อว่าคนที่มีอายุเกิน 80 ปีเกือบทุกคนมีภาวะนี้ และมักมีอาการปวดร้าวลงขา หากเราสามารถนำเซลล์จากไขมันของผู้ป่วยเองมาฉีดกลับเข้าไปได้ ก็จะเป็นการช่วยบรรเทาอาการอย่างชัดเจนตามผลการวิจัย
งานวิจัยแต่ละโครงการจะใช้งบประมาณเบื้องต้น ประมาณ 10 ล้านบาท และหลังจากยื่นแล้ว คณะกรรมการจริยธรรมทางการแพทย์จะเป็นผู้สรุปว่างานวิจัยมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด รวมถึงต้องมีการตรวจสอบก่อนและหลังการรักษาอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ เมื่อได้ผลการวิจัยที่ชัดเจนแล้ว จะมีการประกาศข่าวอีกครั้ง และเปิดรับอาสาสมัครอย่างเป็นทางการ รวมถึงชี้แจงงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการวิจัย
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่ทาง MEDEZE มองว่า เป็น การทำ CSR (ความรับผิดชอบต่อสังคม) ซึ่งอย่างน้อย การที่ได้ช่วยให้คนมีสุขภาพดีขึ้น ถือเป็น “บุญ” อย่างยิ่ง
หากผลการทดสอบนี้ มีผลสำเร็จ จนสามารถขึ้นทะเบียนยาได้
บริษัทจะสามารถนำยานี้ไปจำหน่ายได้ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติ สามารถวางขายได้อย่างถูกต้องในสถานพยาบาลทุกแห่ง ทั้งในและต่างประเทศ
จากนี้ไปอีก 6 เดือนข้างหน้า เราต้องมาลุ้นให้เกิดความสำเร็จ และคงจะได้เห็นพัฒนาการ การรักษา 3 โรคดังกล่าว ในรูปแบบใหม่ที่สามารถใช้ Stem Cell เข้ามาเกี่ยวข้องในการรักษาได้ และคาดหวังการพลิกโฉมของวงการแพทย์ไทยอีกด้วย
อึ้งย้ง