
“ดาวฟิวเจอร์” ร่วง 150 จุด หลังน้ำมันพุ่ง- จับตา “ทรัมป์” จ่อชี้ขาดโจมตีอิหร่าน
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สร่วง 150 จุด รับราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ จ่อเคลื่อนไหวทางทหารต่ออิหร่าน ขณะ Fidelity มอง midcap เอเชีย-ยุโรป ยังมีโอกาส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 มิ.ย. 68) ณ เวลา 8:02 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ร่วงลงกว่า 150 จุด หลังทำจุดต่ำสุดที่ติดลบ 250 จุด ในระหว่างวัน ท่ามกลางแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ หลังทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมตัดสินใจว่าจะดำเนินการโจมตีอิหร่านหรือไม่ ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะเดียวกันดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์สอยู่ต่ำกว่าระดับคงที่ และดัชนี Nasdaq ฟิวเจอร์สร่วงลงกว่า 50 จุด สะท้อนความระมัดระวังของนักลงทุนต่อทิศทางตลาดที่ยังไม่ชัดเจน
ด้านนายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน มีกำหนดเดินทางไปพบผู้นำต่างประเทศหลายราย ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันนี้ โดยคาดว่าจะมีการส่งสัญญาณว่า “การเจรจาทางการทูตยังคงเป็นทางออกที่เป็นไปได้” ท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีขึ้นในภูมิภาค
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องในวันหยุด Juneteenth ซึ่งทำให้นักลงทุนต้องรอประเมินปัจจัยสะสมตลอด 2 วันที่ผ่านมาอีกครั้ง เมื่อตลาดกลับมาเปิดในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น
ส่วนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นทะลุ 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง ด้านราคาทองคำกลับไม่ปรับขึ้น แม้ภาวะตลาดจะมีความเสี่ยง เนื่องจากกระแสเงินทุนเริ่มไหลเข้าสู่โลหะมีค่าอื่น เช่น “ซิลเวอร์” และ “แพลทินัม” แทน
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ยืนใกล้ระดับ 99 แสดงให้เห็นถึงการถือครองเงินสด เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนในสินทรัพย์เสี่ยง
นอกจากนี้ นายจอร์จ เอฟสตาโธปูลอส ผู้จัดการกองทุนของ Fidelity International ระบุว่า หุ้นขนาดกลาง (midcap) ในตลาดญี่ปุ่น เยอรมนี และจีน กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง หลังผ่านช่วงแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลัง “Liberation Day” หรือวันที่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีรอบใหม่ และส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงแรง
ทั้งนี้ หุ้น midcap จาก 3 ประเทศข้างต้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของกองทุน “Growth and Income” ของ Fidelity ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน “ไฮคอนวิกชันเทรด” หรือกลุ่มหุ้นที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดในกลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง ขณะที่เมื่อ 18 เดือนก่อน กองทุนแทบไม่มีการถือครองหุ้นกลุ่มนี้เลย
ที่มา : เว็บไซต์ cnbctv18