ตลาดหุ้นลุกเป็นไฟ

สัปดาห์นี้ “โมนิก้า” มีความตั้งใจจะเอา “ข่าวดี” มาสู้กับ “ข่าวร้าย” เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน แต่สถานการณ์ที่ลุกเป็นไฟทั่วโลก ทำให้อีฉันต้องยอมจำนนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น


สัปดาห์นี้ “โมนิก้า” มีความตั้งใจจะเอา “ข่าวดี” มาสู้กับ “ข่าวร้าย” เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน แต่สถานการณ์ที่ลุกเป็นไฟทั่วโลก ทำให้อีฉันต้องยอมจำนนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และต้องมาไล่เรียงสถานการณ์ที่เป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจในการลงทุนทีละเรื่อง เพราะตอนนี้มองไปทางไหน ก็มีแต่เสียงก่นด่ารัฐบาลอย่างหนักหน่วง ซึ่งทำให้สถานการณ์หลายอย่างแย่ลงกว่าที่คิดเสียอีกนะจ๊ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้บรรดาขาเผือกขุดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาเม้าท์มอยแบบหน้าดำคร่ำเครียด ไล่ตั้งแต่สงคราม “อิสราเอล” กับ “อิหร่าน” โดยมีจอมเสี้ยมแห่งยุคอย่างอเมริกาเข้ามาจุ้นจ้านตลอดเวลา ถัดมาก็เป็นเรื่องการตอบโต้กันไปมาระหว่าง “ไทย” กับ “เขมร” ก็กลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลภายใต้การนำของ “อุ๊งอิ๊ง” เพราะหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่าง “ฮุนเซน” ขู่ลั่นทุ่งว่า เตรียมปล่อยคลิปนักการเมืองไทยเป็นระยะนะซี

ถัดมาก็เป็นเรื่องการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่ตกอยู่ในสภาพที่บอบช้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนขาใหญ่ และรายย่อย เลือกใช้วิธีหยุดเล่นอย่างถาวร หลังสัดส่วนการเทรดของโรบอทปาเข้าไปถึง 50% ของมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ ตลท. ต้องหาทางจำกัดการเทรดของโรบอทให้อยู่แค่ระดับ 25% เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่เห็นสัดส่วนการเทรดของโรบอทที่สูงลิ่วแล้วไม่สบายใจอย่างแรงเจ้าค่ะ

ในขณะเดียวกันจะเห็นว่าในเดือนหน้าจะมีข้อสรุปเกี่ยวกับภาษีการค้าของไทยจะโดนเรียกเก็บที่ 37% ไหม? ซึ่งจะเป็นแรงกดทับที่ทำให้สภาพตลาดหุ้นไทยซวนเซอีกพักใหญ่ ๆ และประเด็นดังกล่าวเปรียบเทียบได้กับประเทศอินโดนีเซียโดนเรียกเก็บที่ 32% ซึ่งทำให้รู้เลยว่า สินค้าประเภท “ยางพารา” กับ “ปาล์ม” ของไทยจะแข่งขันลำบาก เพราะมีต้นทุนที่สูงกว่าไงล่ะคะ

เหล่านี้เป็นเผือกร้อนที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยประคองตัวลำบากสุด ๆ “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,062.78 จุด ลบไป 4.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.25 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่ก้นเหวของการปรับตัวลงเที่ยวนี้! แม้ตลาดหุ้นไทยจะเทรดบนค่า PE 14.45 เท่าก็ตาม และถ้ามองไปข้างหน้าจะเห็นว่า การเทรดบริเวณนี้จะอยู่บน PE 12 เท่าแบบนี้..หุ้นไทยไม่น่าซื้อตรงไหน? ช่วยกระซิบบอกอีฉันด้วยจ้า!

ส่วนรายที่ไม่น่าซื้อคงหนีไม่พ้น KTC เพราะไม่พัวพันกับการโดนจับฟอร์ซเซล ส่งผลให้ราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดฟลอร์ที่ระดับ 29.50 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือลงไป 15.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 548 ล้านบาทแบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ควรไปยุ่งอะไรทั้งนั้น เพราะหลายครั้งที่มีไม้แรกสาดออกมาหนัก ๆ มักมีไม้ที่สองตามหลังมาติด ๆ ต่อจากนั้นถึงจะสะเด็ดน้ำในไม้ที่สาม..ตามตำราเขาบอกไว้อย่างนั้น..อิอิอิ

ขนาดหุ้น DOHOME ที่หลายคนคิดว่า ลงเยอะแล้ว! วานนี้กลับมีราคาที่ต่ำกว่าให้เห็นอีก แถมเป็นการลงมาทำ all time low ด้วยการยืนปิดฟลอร์ที่ระดับ 2.52 บาท ลบไป 0.46 บาท หรือลงไป 15.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 181 ล้านบาทแบบนี้ มันทำให้อีฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย เพราะการลงแบบไม่มีหูรูด มันเหมือนเป็นการบอกให้สังคมรู้ว่า บริษัทกำลังจะเจ๊ง! ซึ่งอาจเป็นผลมาจากเหล็กตกเกรดนะจ๊ะ

ส่วนรายที่มีอาการ 3 วันดี 4 วันไข้อย่างหุ้น EA ก็ได้รับผลกระทบจากประชุมเจ้าหนี้หุ้นกู้ล่ม ทำให้นักลงทุนรู้สึกหวั่นใจถึงอนาคตของบริษัท จึงพากันเทขายหุ้นออกมาอีกครั้ง วานนี้จึงเห็นราคาหุ้นลงมาปิดฟลอร์ที่ระดับ 2.36 บาท ลบไป 0.42 บาท หรือลงไป 15.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 595 ล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า รอให้บริษัทเคลียร์หนี้สินให้จบก่อนดีกว่า หลังจากนั้นค่อยเล่นก็ยังไม่สายเกินไปหรอกค่ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button