
กลัวหุ้นลงซะที่ไหน?
หลายคนอาจสงสัยว่า เดี๊ยนไม่ตระหนกเมื่อเห็นทีมไทยแลนด์คว้าน้ำเหลว พร้อมกับบินด่วนกลับไทยเพื่อตั้งหลักเมื่อศุกร์ที่แล้วนั้น!..
หลายคนอาจสงสัยว่า เดี๊ยนไม่ตระหนกเมื่อเห็นทีมไทยแลนด์คว้าน้ำเหลว พร้อมกับบินด่วนกลับไทยเพื่อตั้งหลักเมื่อศุกร์ที่แล้วนั้น!..”โมนิก้า” ขอตอบว่า ทุกคนเคยชินกับเรื่องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จึงไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ดูได้จากความคิดเห็นของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ล้วนพูดไปในทางเดียวกันว่า ทีมเจรจาของไทยอ่อนซ้อมก่อนจะขึ้นชกจริงมาเป็นเดือนแล้วค่ะ
เมื่อผลลัพธ์ออกมาในทางลบอย่างชัดเจน ก็ต้องพร้อมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองว่า รัฐบาลเพื่อไทยน่าจะได้เวลาไปเสียที! เพราะผู้คนเขาก่นด่าเช้าเย็นกันทุกวัน แต่รัฐบาลภายใต้อุ้ง..ของนายใหญ่กลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ผู้คนร้องยี้ทุกครั้งที่เห็นโฉมหน้า “ครม.อิ๊ง2” แถมคนที่ขึ้นมานั่งกุมบังเหียน “พาณิชย์” และ “เกษตร” ซึ่งเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศ ก็ไม่มีโปรไฟล์ที่เตะตาเลยแบบนี้..พากันลงเหวแน่ ๆ เจ้าค่ะ
ในเมื่อพรรคที่ชอบเคลมตัวเองเป็นพระเอกในการกู้เศรษฐกิจ กลับทำไม่ได้เหมือนที่นายใหญ่ชอบพล่ามบนเวทีต่าง ๆ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่เรตติ้งพรรคนี้ตกต่ำลงเรื่อย ๆ เพราะเรื่องปากท้องมันสัมผัสได้โดยตรง และไม่มีใครมาสร้างภาพได้อย่างแน่นอน อีฉันเลยเข้าใจสาเหตุที่ดัชนีพยายามประคองตัวตั้งแต่เช้า ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,123 จุด ลบไป 3.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.14 หมื่นล้านบาท เพราะทุกคนมองข้ามช็อตไปถึงผลกระทบต่าง ๆ และเตรียมเลือกตั้งแล้วนะซี
ช็อตแรกที่ภาคธุรกิจมองคือ พยายามรักษายอดขายเดิมไม่ให้ตกลงฮวบฮาบ และพยายามผูกสัมพันธ์กับลูกค้าให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อช่วยกันคู่แข่งไม่ให้มาแย่งออเดอร์สินค้า แต่การกระทำดังกล่าวจะช่วยยื้อได้นานไหม? ก็เป็นเรื่องที่พูดยากเหลือเกิน เพราะการแข่งขันบนเวทีระดับโลก มันมีเรื่องราคาเป็นหนึ่งในตัวกำหนดว่า ใครจะเป็นผู้ชนะ! เดี๊ยนเลยมีอาการมืดแปดด้านอีกครั้งไงล่ะคะ
เหมือนกับแรงขายที่สาดใส่หุ้น WHA ก็เป็นผลมาจากเรื่องการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อาจไม่เกิดขึ้น จึงทำให้นักเล่นกังวลว่า รายได้และกำไรในอนาคตมีสิทธิ์วูบหนัก เลยพากันเทขายหุ้นทิ้งอุตลุด จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 3.10 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาทแบบนี้..เดี๊ยนเลยเดาเล่น ๆ ว่า วันที่ 9 ก.ค. จะเป็นวันย้ำหัวหมุดราคาหุ้นจะตกต่อไหม? เพราะเป็นวันที่รู้ผลภาษีทรัมป์โขกเราหนักขนาดไหนเจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น KCE เป็นรายถัดมา เพราะเป็นหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ที่วิ่งดีเหลือเกินในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทันทีที่มีผลกระทบจากเทรดวอร์เกิดขึ้นชัดเจน ก็กลายเป็นหุ้นที่ถูกรินขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 21 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 592 ล้านบาทแบบนี้ มันทำให้อีฉันนึกถึงคำว่า โกยเถอะโยม!
สำหรับรายที่ประหลาดคงมองไปที่หุ้น SCGP หลังโดนขายหนักตั้งแต่เช้า จนหุ้นลงไปทำโลว์ที่ระดับ 16.40 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 16.90 บาท เหลือลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 350 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่พิลึกพอควร เพราะหุ้นตัวนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทรดวอร์เหมือนกับรายข้างต้น จึงอนุมานว่า น่าจะเป็นการทดสอบแรงขายธรรมดา ๆ หลังหุ้นขึ้นมาเยอะกระมัง!
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น ERW เพื่อชี้ให้เห็นการย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 2.16 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาท น่าจะเป็นการ take profit หลังราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ (จากโลว์ 1.79 บาท ขึ้นไปทำไฮ 2.30 บาท) แต่สิ่งที่ต้องคิดถัดมาคือ ยอดรายได้จากโครงการเที่ยวคนละครึ่งจะมาชดเชยนักท่องเที่ยวหายไป 34% ไหม?..ลองไปดีดลูกคิดกันดูนะจ๊ะ
โมนิก้าและทีมงาน