
ไม่ลุยก็ตกขบวน
หากเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ตลาดหุ้นซึมซับข่าวร้ายเรื่องเทรดวอร์ไปหมดแล้ว และตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป รวมทั้งมองการเคลื่อนตัวของดัชนีจะเป็นลักษณะ M-Shape
หากเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ตลาดหุ้นซึมซับข่าวร้ายเรื่องเทรดวอร์ไปหมดแล้ว และตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป รวมทั้งมองการเคลื่อนตัวของดัชนีจะเป็นลักษณะ M-Shape โดยมียอดของตัวเอ็มอยู่ที่ระดับ 1,230 จุด ก็เป็นจังหวะที่ขาลุยต้องใส่กันสุดซอย เพราะไม่น่าจะมีอะไรที่เลวร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว แถมทุกคนมองไปในทางเดียวกันว่า เดี๋ยวพรรคเพื่อไทยก็ไปรอด และต้องยุบสภา พร้อมกับเลือกตั้งใหม่แบบนี้..มันเป็นฟ้าหลังฝนชัด ๆ นะตัวเอง
งานนี้อีฉันไม่ต้องการให้แฟนคลับเชื่อตามในสิ่งที่เม้าท์ แต่อยากให้ไตร่ตรองเรื่องราวที่นำเสนอในคราวนี้ มีความน่าจะเป็นมากน้อยขนาดไหน? หลังดัชนีพุ่งกระฉูดขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,198.11 จุด บวกไป 40.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.34 หมื่นล้านบาท ผนวกกับบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ “ทั้งไทย ทั้งเทศ” ต่างแนะนำให้ซื้อหุ้นกันเป็นแถว ตลาดหุ้นไทยถึงมีสภาพเขียวสะพรั่งไงล่ะคะ
ประกอบกับผู้รู้หลายรายในตลาดหุ้นพูดไปในทางเดียวกันว่า เป้าถัดมาที่ระดับ 1,200 จุด อาจไม่ห่างไกลจากความเป็นจริง แต่อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ซึ่งเป็นการทดสอบแรงขายมีมากขนาดไหนแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่นักเล่นต้องนำมาเป็นองค์ประกอบตัดสินใจด้วยเช่นกัน และอย่าลืมว่า การขึ้นของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้มาจากความเชื่อเรื่องเจรจาภาษีการค้าจะบรรลุผลแบบ วิน-วิน นะตัวเอง
ส่วนรายที่วินก่อนใครเพื่อนทุกครั้ง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น DELTA เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 132.50 บาท บวกไป 18 บาท หรือขึ้นไป 15.72% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.33 พันล้านบาท มีผลกับการขึ้นของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ราคาที่เห็นสูงกว่าเป้าที่นักวิเคราะห์ให้ไว้เสียด้วย (ค่าประมาณการสูงสุดอยู่ที่ 125 บาท) อีฉันจึงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยเจ้าค่ะ
ผิดกับในรายของ AOT ซึ่งอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของหนูนา ก็กลายเป็นหุ้นที่ติดลมบนอย่างเต็มตัว แถมวานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 40.25 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 11.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.51 พันล้านบาท มันทำให้เชื่อว่า หุ้นน่าจะไปต่อแบบชิล ๆ แต่เผอิญสิ่งที่ “โมนิก้า” เห็นก่อนหน้านี้มันเป็นแรงขายที่ออกมาเยอะตรงบริเวณ 40 บาท จึงกลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญของหุ้น..หากยืนต้านแรงขายได้ น่าจะไปโลดพะยะค่ะ
อีกรายที่อีฉันชื่นชอบเมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภวะปกติก็คือหุ้น BDMS เพราะธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่ทำเงินเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 21.50 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.47 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 21 เท่ายังน่าสนใจอยู่ดี เพราะข้อมูลย้อนหลัง 4 ปีบอกให้รู้ว่า หุ้นเทรดสูงกว่า PE 25 เท่าไงล่ะคะ
สำหรับรายที่คัมแบ็กมาเรื่อย ๆ อย่างน้องมิ้น MINT ยังเป็นหุ้นที่อีฉันชอบมองเป็นระยะ ซึ่งเป็นผลมาจากวงรอบใหญ่ของการเคลื่อนตัวช่วง 1 ปีอยู่บนกรอบ 23-29 บาท แต่ในช่วงครึ่งปีแรกจะติดกรอบบนที่ระดับ 26 บาทบ่อยเหลือเกิน “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า เที่ยวนี้จะผ่านฉลุยไหมหนอ? หลังหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 25.75 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 3.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 927 ล้านบาท..หากผ่านได้ สนุกแน่เจ้าค่ะ
ในเมื่อต้องลุ้นกันทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปมองหุ้น WHA เพื่อชี้ให้เห็นแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 3.50 บาทอาจฝ่าขึ้นไปยากก็จริง แต่บรรยากาศตลาดหุ้นที่ดีต่อเนื่อง มันทำให้อีฉันเชื่อว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.46 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 1.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 552 ล้านบาท น่าจะเป็นบันไดที่ช่วยให้หุ้นขึ้นไปยืนเหนือระดับดังกล่าวแบบสบาย ๆ เพราะราคาที่เห็นเป็นการเทรดบน PE 10 เท่าเองนะจ๊ะ
โมนิก้าและทีมงาน