
พาราสาวะถี
ห้าโมงครึ่งเย็นนี้ (22 กรกฎาคม) พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท งานนี้ ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าร่วมด้วย
ห้าโมงครึ่งเย็นนี้ (22 กรกฎาคม) พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท งานนี้ ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าร่วมด้วย ฝ่ายจ้องจับผิดก็จะชี้ว่าเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำรัฐบาลหรือไม่ แต่รัฐบาลผสมคงมองว่า นอกเหนือจากการได้พบปะ หารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว การเชิญนายใหญ่ของพรรคแกนนำมาร่วมในฐานะผู้มากประสบการณ์ คงได้ข้อแนะนำหลายอย่าง
ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน หากจะมีปมแหลมคมทางการเมืองใด ๆ คงไม่มีใครบ้าจะมาพูดคุยกันในที่สาธารณะ เปิดเผยขนาดนี้ เรื่องของเสียงวิพากษ์วิจารณ์คงหนีไม่พ้น ประสาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวเข้าใจทุกสิ่งอย่างถ่องแท้ นายใหญ่คงไม่อินังขังขอบ มิหนำซ้ำ ยังแอบชอบเสียด้วยซ้ำไปที่จะได้ยึดพื้นที่ข่าว สร้างกระแสให้รัฐบาล ขณะเดียวกัน หากมีการเสนอประเด็นอะไรเพื่อให้ฝ่ายกุมอำนาจได้ไปดำเนินการ แล้วเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม ก็จะเป็นโอกาสตรวจสอบเสียงตอบรับจากประชาชนไปในตัวด้วย
ทุกอย่างล้วนแต่ผ่านกระบวนการคิด และวางแนวทางมาหมดแล้ว ดินเนอร์หนนี้เพื่อที่จะเป็นการเช็คยอดสส. ที่แท้จริง เพราะเสียงที่สนับสนุนรัฐบาลในทุกเรื่องนั้น ไม่ได้มีแค่นักเลือกตั้งที่สังกัดพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้น หากมีสส. จากพรรคการเมืองที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ไปปรากฎตัวร่วมงานด้วย ก็จะถือเป็นการประกาศตัวอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่า มันหมายถึงทิศทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องจะถูกพรรคต้นสังกัดเล่นงาน การเมืองไทยก็เป็นแบบนี้ที่ฮึ่ม ๆ ขู่กันฟ่อด ๆ ก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น
หากจะพูดถึงความดุเด็ดเผ็ดร้อนทางการเมืองช่วงนี้ คงต้องโฟกัสกันไปที่สนามเลือกตั้งซ่อมสส. ศรีสะเกษ เขต 5 หลังจากที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ไปประเดิมปราศรัย แล้วมีพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยหลายประเด็น สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคแกนนำรัฐบาลได้เวลาขนขุนพลจากส่วนกลางชุดแรกไปขึ้นเวทีช่วย ภูริกา สมหมาย ผู้สมัครของพรรคหาเสียง มีการจัดหนักซัดพรรคสีน้ำเงินกันงอมพระรามไปเหมือนกัน โดยเฉพาะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียง โจมตีพรรคที่เคยเป็นพวกอย่างเจ็บแสบ
ประสานักพูดมือฉมังเสี่ยเต้นเรียกพรรคสีน้ำเงินว่า ภูมิใจไทยขวาง คงไม่ต่างจากที่สื่อพากันขนานนามว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลนั่นเอง ก่อนจะจี้จุดไปที่เรื่องฮั้วเลือกสว. โดยระบุว่า พรรคการเมืองทั่วไปส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งสส. อย่างโปร่งใส แต่บางพรรคกลับเข้าไปฮั้วกับสว. ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำให้ระบบประชาธิปไตยบิดเบี้ยว สว. มีทั้งหมด 250 คน เข้าร่วมฮั้วกันเกือบ 150 คน ครอบคลุมกว่า 70 จังหวัด
ความจริงที่น่าเจ็บปวดก็คือ ผู้สมัครหลายคนมีคุณสมบัติเหมาะสมกลับไม่ได้รับเลือก เพราะไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการฮั้ว ขณะเดียวกันณัฐวุฒิชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต้องนำไปสู่การปรับครม. ด้วยการไม่มีพรรคสีน้ำเงินร่วมขบวน อันเนื่องมาจากเรื่องฮั้วสว. อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้ยาก แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เพื่อไทยต้องรุกคืบทวงคืนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเรื่องของการสนองตอบต่อนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล
มีการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง หลังการรับตำแหน่งมท.1 ของ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ได้เร่งเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด ด้วยการเชิญผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้กำกับการตำรวจจากทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมที่กรุงเทพฯ เพื่อประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นภายใน 3 เดือน เป็นการดำเนินการทันทีหลังจากที่มีการปรับครม. เพราะถ้าปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยขวางทำหน้าที่ต่อไป อาจจะไม่มีอะไรคืบหน้า
ที่ต้องขีดเส้นใต้แม้จะดูเป็นการปราศรัยเพื่อให้เกิดสีสัน แต่เป็นการเอาความจริงมาตีแสกหน้าฝ่ายที่ถูกพูดถึง ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า เรื่องที่ควรทำไม่ทำ แต่ไปทำเรื่องที่ไม่ควรทำ เช่น การนำรันเวย์สนามบินเข้าไปในที่หลวง ใช้เครื่องบินส่วนตัวบินลงได้ ในทางตรงข้ามที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นสมบัติของชาติ แม้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ยังเอาคืนไม่ได้ ในกรณีนี้อาจชี้ให้เห็นว่า อำนาจสามารถปกปิดความชั่วร้ายทั้งหลายในบ้านเมืองได้ แต่พอหมดอำนาจบารมี หางก็เริ่มโผล่ทันที
นี่แค่ทัพหน้ามาจั่วหัวการหาเสียง ช่วงโค้งสุดท้ายไม่อยากนึกภาพตามจะดุเดือด เข้มข้นขนาดไหน เพราะนายใหญ่ยืนยันมาแล้วจะลงไปช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียงแน่นอน พร้อมออกหมัดแย็บไปถึงหัวหน้าพรรคสีน้ำเงินคู่แข่งด้วยว่า ไม่ได้กังวลที่มีการพูดพาดพิงมาถึง แต่แค่รู้สึกสงสัยทำไมจึงยังมีการสั่งให้คนโทรไปหานายอำเภอให้มารอรับ ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร ก่อนจะตอกแบบนิ่ม ๆ ไม่ต้องไปลงโทษนายอำเภอ แต่มันเป็นเรื่องของมารยาทของคนที่โทรไปสั่ง ซึ่งจะว่าไปเหล่าข้าราชการที่เคยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของคนบางพรรค น่าจะเข้าใจดีว่ามีการใช้อำนาจในลักษณะพระเดชมากกว่าพระคุณขนาดไหน
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ดี มาตรการภาษีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งจดหมายมาถึงรัฐบาลไทยจะมีผลบังคับใช้ ฟังทักษิณให้สัมภาษณ์แนวโน้มน่าจะเป็นไปในทางที่ดี เนื่องจากคณะเจรจาได้รับเสียงสะท้อนมาจากฝั่งมะกันใช้คำว่า มีการปรับปรุงข้อเสนอที่ดีมาก ทำให้ข้อท้วงติงที่เคยมีก่อนหน้าเหลืออยู่ไม่มากนัก ในฐานะผู้มีประสบการณ์สูง นายใหญ่จึงมองแนวโน้มที่จะออกมา ไทยคงได้รับการลดหย่อนอัตราภาษีในระดับที่ใกล้เคียงกับเวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่บรรลุข้อตกลงไปก่อนหน้า
นั่นหมายความว่าอัตราภาษีเดิมที่ 36 เปอร์เซ็นต์ น่าจะถูกจัดเก็บที่ระดับ 18-20 เปอร์เซ็นต์ โดยหากเป็น 18 เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าสองประเทศ และจะส่งผลดีอย่างยิ่งกับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่รัฐบาลถูกโจมตีก่อนหน้านี้คือ มีเงื่อนไขเรื่องสหรัฐอเมริกาขอตั้งฐานทัพเรือที่ทับละมุ จังหวัดพังงา กรณีนี้ทักษิณยืนยันว่าไม่มีทั้งเรื่องนี้และประเด็นความมั่นคง เพราะทั้งหมดเป็นการเจรจาบนพื้นฐานของการค้าการลงทุน เป็นการนำเสนอสิ่งที่ดีและเกิดประโยชน์กับทั้งสองประเทศ เข้าใจตรงกันนะ
อรชุน