สังคมข่าวหุ้น

ในช่วง 1 เดือนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นราว 146 จุด จาก 1,062 จุด เป็น 1,208 จุด ซึ่งเป็นการผลักดันจากหุ้น DELTA ถึง 43 จุด


ในช่วง 1 เดือนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นราว 146 จุด จาก 1,062 จุด เป็น 1,208 จุด ซึ่งเป็นการผลักดันจากหุ้น DELTA ถึง 43 จุด หรือผลักดันตลาดราว ๆ 1 ใน 3 ของการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้ การขึ้นมาเร็วและแรงของดัชนีอาจมีพัก ๆ บ้าง ล่าสุด บล.เอเซีย พลัส ได้ทำการค้นหาข้อมูลจาก BLOOMBERG CONSENSUS โดยนักวิเคราะห์หลาย ๆ ค่าย มีการทยอยปรับคำแนะนำหุ้นตัวไหนขึ้นมาบ้างในเดือนนี้ หลังจากมีการทำ Earning Preview ในระดับหนึ่ง จึงแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโมเมนตัม ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” เพิ่มขึ้นในเดือนนี้ อย่าง SCC, SAPPE, BAM, BCP, BSRC และ SPRC

ประกาศออกมาครบแล้วสำหรับผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยภาพรวมครึ่งแรกปี 2568 หุ้นธนาคารทั้ง 11 แห่งมีกำไรสุทธิรวม 134,508 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 129,373 ล้านบาท KBANK กำไรสูงสุด แต่ต่ำกว่าปีก่อน ขณะที่งวดไตรมาส 2/2568 SCB ครองแชมป์ เพิ่มจากปีก่อน 27.7% ส่วนอันดับสาม BBL กำไรพุ่งทั้งงวดไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรก ขณะที่ บล.ดาโอ อัพเกรด SCB เป็น “ซื้อ” ชูปันผลสูงที่สุดในกลุ่มที่ 9% ผู้บริหารลุยรักษา Dividend payout ให้เท่ากับปี 2567 ที่ 80% คาดไตรมาส 3/2568 ผลงานโตต่อ พร้อมปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้น 7% สู่ 4.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน

ราคาทองคํา Spot พุ่งขึ้นแรง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จับตาเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. ด้านทองในประเทศ เงินบาทแข็งค่ามากกดดันปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก

นับถอยหลังความชัดเจน “ภาษีทรัมป์” ที่พร้อมจะบังคับใช้ 1 ส.ค.นี้ หากทรัมป์ไม่ยืดเวลาออก แต่ละสินทรัพย์คงมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น แต่ท่ามกลางความไม่แน่นอนช่วงครึ่งปีแรก ก็ยังมี “โอกาส” ท่ามกลาง “วิกฤต” อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์อย่างหุ้น โดย “หุ้นไทย” ติดลบ 19.9% ขณะที่ “หุ้นเกาหลีใต้” บวก 29.6% ในส่วนของตราสารหนี้นั้น “ตราสารหนี้เอเชีย” ติดลบ 3.20% แต่ “ตราสารหนี้ Investment Grade” ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 7.66% ด้านสินทรัพย์ทางเลือก อย่าง “น้ำมัน” ติดลบ 9.22% แต่ “ทองคำ” กลับบวก 25.24% เจ๊ว่านะ ครึ่งปีหลังก็เช่นกัน ย่อมมีโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ อย่าให้ความกลัวต่อความผันผวนของตลาดฯ ทำให้ท่านผู้อ่านของเจ๊หมดหวังนะเจ้าคะ

ตามคาดของหลาย ๆ คน สำหรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ล่าสุด ครม.เห็นชอบแต่งตั้ง “วิทัย รัตนากร” ดำรงตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างลง เนื่องจาก เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ที่จะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย. 2568 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้คงเป็นนโยบายของว่าที่แบงก์ชาติคนใหม่ ซึ่งจะมีอิทธิพลกับตลาดเงินตลาดทุนไทยเป็นอย่างยิ่ง ในภาวะที่สถานการณ์ต่าง ๆ ยังดูไม่ค่อยอ่อนโยน

ฟากโบรกฯ ส่องหุ้นสอดรับผู้ว่า ธปท.คนใหม่ แนวทางนโยบายการเงินผ่อนคลาย “แก้หนี้-ลดดอกเบี้ย-เสริมสภาพคล่อง” หนุนกลุ่มส่งออก, ไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, เช่าซื้อ, REITs, Infra Fund, อสังหาฯ และกลุ่มหนี้สูง

ดวงดี

Back to top button