“ทรัมป์” ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอินเดีย 25% หลังดึงดันซื้อน้ำมัน–อาวุธรัสเซีย

ประธานาธิบดีทรัมป์ ยกระดับกดดันอินเดีย ซัดพฤติกรรมขัดหลักคุณธรรมการค้าระหว่างประเทศ ลั่นพร้อมใช้มาตรการภาษีตอบโต้หากยังเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซีย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 21:50 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของอินเดียในประเด็นการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยระบุว่า อินเดียไม่ได้เพียงซื้อน้ำมันจากรัสเซียในปริมาณมหาศาล แต่ยังนำไปขายต่อในตลาดเสรีเพื่อแสวงหากำไร พร้อมกล่าวหาว่าอินเดีย “ไม่สนใจเลยว่ามีประชาชนในยูเครนจำนวนมากแค่ไหนที่กำลังถูกสังหารโดยเครื่องจักรสงครามของรัสเซีย”

ทรัมป์ยังประกาศว่า สหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่อินเดียต้องจ่ายให้แก่สหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อแสดงจุดยืนตอบโต้

ก่อนหน้านั้น ทรัมป์เคยโพสต์ข้อความอีกฉบับบน Truth Social โดยขยายเป้าหมายโจมตีไปที่โครงสร้างการค้าของอินเดีย โดยเฉพาะอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers) พร้อมประกาศว่า หากอินเดียยังเดินหน้าในทิศทางนี้ สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียในอัตรา 25% และอาจมีค่าปรับเพิ่มเติม เพื่อเป็นการตอบโต้การพึ่งพาน้ำมันและยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย

ทรัมป์ระบุว่า “โปรดจำไว้ว่า แม้อินเดียจะเป็นมิตรกับสหรัฐฯ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ทำการค้ากับอินเดียในระดับต่ำมาก เนื่องจากภาษีนำเข้าของอินเดียสูงเกินไป สูงที่สุดในโลก และยังมีอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ตัวเงินที่เข้มงวดและน่ารังเกียจที่สุดในบรรดาประเทศต่าง ๆ”

ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่า อินเดียเป็นหนึ่งในผู้ซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารรายใหญ่จากรัสเซีย และยังคงเป็นหนึ่งในผู้ซื้อพลังงานจากรัสเซียมากที่สุดร่วมกับจีน ในช่วงเวลาที่ประชาคมโลกต้องการให้รัสเซียยุติการใช้ความรุนแรงในยูเครน ซึ่งทรัมป์ย้ำในตอนท้ายว่า “ทั้งหมดนี้ไม่ดีเลย”

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 ว่า รัฐบาลอินเดียยังคงยึดมั่นในนโยบายการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยไม่มีคำสั่งใด ๆ ให้โรงกลั่นน้ำมันภายในประเทศยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ยังคงเดินหน้านโยบาย “ผลิตในอินเดีย” (Make in India) ส่งเสริมการบริโภคสินค้าภายในประเทศและลดการพึ่งพาต่างชาติ

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS ประเมินกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมใช้นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยอาจเรียกเก็บภาษีราว 25% พร้อม “penalty” เพิ่มเติมจากอินเดีย โดย KS มองว่าประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลเชิงจิตวิทยาบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มโรงกลั่นในตลาดหุ้นไทย อาทิ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC

Back to top button