“ดร.กอบศักดิ์” ชี้ภาษีทรัมป์ 19% ไทยได้เปรียบ แนะรัฐอุ้ม SME-เกษตร รับมืออนาคต

ดร.กอบศักดิ์ ชี้ดีลภาษีทรัมป์ 19% ไทยยังได้เปรียบ หนุนส่งออก-ดึงลงทุนต่อเนื่อง แนะรัฐเร่งอุ้ม SME-เกษตร พร้อมปรับตัวรับเทคโนโลยีใหม่


ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผ่านงานเสวนา Trump’s Tariffs ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไร ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ไทยได้อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ 19% จากดีลภายใต้มาตรการภาษีทรัมป์ ถือว่าดีกว่าคาด เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค โดยมองว่าเป็นระดับที่ช่วยให้ภาคส่งออกไทยยังสามารถแข่งขันได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอินเดียที่โดนภาษี 25% เวียดนาม 20% และจีนที่อาจสูงถึง 54% ในบางสินค้า

อย่างไรก็ตาม ดร.กอบศักดิ์ ย้ำอีกว่า อัตราภาษีนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่อาจตามมา เช่น ภาษีเฉพาะสินค้า การควบคุม transshipment และความไม่แน่นอนจากประเทศอื่น ๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา เช่น ไต้หวัน จีน และสวิตเซอร์แลนด์

แม้ภาคส่งออกจะรอดตัวไปได้จากภาษีรอบแรกนี้ แต่เขามองว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนและต้องการการเยียวยาคือภาคเกษตรกรรมและ SME โดยเฉพาะเมื่อสินค้าสหรัฐฯ เริ่มทะลักเข้ามาในตลาดไทย และในขณะเดียวกันสินค้าอุตสาหกรรมราคาถูกจากจีนก็เริ่มไหลเข้ามากดดันตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง สร้างปรากฏการณ์ที่เขาเรียกว่า “China Flood” ซึ่งส่งผลให้ SME ไทยจำนวนมากเริ่มเผชิญภาวะขาดทุนหรือสูญเสียยอดขาย

ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ ดร.กอบศักดิ์เสนอให้รัฐบาลใช้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นเครื่องมือช่วย SME โดยอย่างน้อย 50% ของงบจัดซื้อควรให้กับสินค้า “Made in Thailand” ที่ผลิตโดยผู้ประกอบการไทย พร้อมเร่งบทบาทของ บสย. (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) เพื่อให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกมากขึ้น

นอกจากการรับมือผลกระทบเฉพาะหน้าแล้ว เขายังชี้ว่าไทยต้องเร่งปรับตัวต่อ “คลื่นเทคโนโลยีโลก” ที่กำลังเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบเงียบ ๆ พร้อมกระตุ้นให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงงานและอุตสาหกรรมดั้งเดิมเร่ง “ลอกคราบ” เปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ไบโอเทค หรือดิจิทัล พร้อมส่งสัญญาณให้ธนาคารไทยเปิดกว้างสินเชื่อเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ และสนับสนุนภาคธุรกิจในยุค New Curve

ดร.กอบศักดิ์ กล่างทิ้งท้าย ว่า 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นเหมือน “สัญญาณเตือนภัย” ของพายุเศรษฐกิจโลกที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหาไทย พร้อมเรียกร้องให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการเงิน ร่วมมือกันฝ่าวิกฤต และไม่ฝากความหวังไว้กับตลาดสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียว โดยชี้ว่าไทยควรมองหาโอกาสใหม่จากตลาดอย่างอินเดีย อาเซียน และจีน ที่อาจกลายเป็นพันธมิตรสำคัญในอนาคต

Back to top button