D เด้ง 2% ตอบรับกำไร Q2 โต 27% แตะ 20 ล้านบาท อานิสงส์งานเทรดดิ้งพุ่ง 50%

D ราคาเด้ง 2% ตอบรับโชว์ผลงานไตรมาส 2/68 มีกำไรโต 27% แตะ 19.80 ล้านบาท  รับอานิสงส์งานเทรดดิ้งขายอุปกรณ์ทันตกรรม สร้างรายได้ 113.9 ล้านบาท โตก้าวกระโดด 50% มั่นใจผลงานปีนี้โดดเด่น  ชูจุดแข็งด้านทันตกรรมแบบครบวงจร   พร้อมลุยงานประมูลเต็มสูบ  ขณะที่งานด้านบริการทันตกรรมลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ส.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D ณ เวลา 10:43 น. อยู่ที่ระดับ 2.62 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 2.34% สูงสุดที่ระดับ 2.62 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.56 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.61 ล้านบาท

นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D ผู้ให้บริการทันตกรรมแบบครบวงจร  เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568  มีรายได้รวมจำนวน  265.1  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 24.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 19.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน  4.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น  27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2568  มีรายได้โดดเด่นจากการขายวัสดุและอุปกรณ์ทางทันตกรรม หรือ เทรดดิ้ง  โดยมีรายได้จากการขายจำนวน  113.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 38.1 ล้านบาท หรือโตเพิ่มขึ้น 50%  เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า   เนื่องจากบริษัท เดนทัล วิชั่น จำกัด (บริษัทย่อย) ได้ส่งมอบงานจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ ด้านอุปกรณ์ทันตกรรม ประเภทโต๊ะปฏิบัติการทันตกรรม  ให้กับคณะทันตแพทย ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 127 ชุด โดยมีมูลค่า 28.41 ล้านบาท

ส่วนการให้บริการด้านทันตกรรม มีรายได้จำนวน 151.2 ล้านบาท ลดลง 8%  เนื่องจากรายได้กลุ่มลูกค้าคนไทยลดลง จากกำลังซื้อในประเทศปรับตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ  ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าคนไทยจำนวน 53.6 ล้านบาท ในขณะที่ลูกค้าหลักที่เป็นชาวต่างชาติยังเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง  โดยมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าชาวต่างชาติจำนวน 97.6 ล้านบาท

“ผลงานของกลุ่ม D ในไตรมาส 2 ของปีนี้ งานด้านเทรดดิ้งเติบโตโดดเด่น มีรายได้ก้อนใหญ่จากงานประมูล ของบริษัทย่อย  เดนทัล วิชั่น   และจากศักยภาพในการเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านทันตกรรม รวมทั้งการจัดจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรมแบบครบวงจร  เป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัท เราจึงมีคุณสมบัติพร้อม มีมาตรฐานและเป็นการยอมรับในวงการ  ทำให้เรามีความพร้อมสามารถลุยงานประมูลได้เต็มที่  ทั้งในมหาวิทยาลัยภาครัฐบาล และภาคเอกชน ที่มีการเปิดการเรียนการสอนคณะทันตแพทย์ ” นายพรศักดิ์ กล่าว

นายพรศักดิ์ กล่าวอีกว่า  ในส่วนของโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ BIDH  ที่เน้นให้บริการกลุ่มลูกค้าคนไทยมีรายได้สูง ผู้บริหารชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) และกลุ่มนักท่องเที่ยว (Tourist) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ในไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายได้จำนวน 36.3 ล้านบาท

Back to top button