
GFPT ครึ่งหลังโตต่อ รับต้นทุนลด ดันกำไรพุ่ง ลุยผุดโรงเชือดใหม่เสร็จปี 69–70
GFPT แย้มครึ่งหลัง 2568 โตต่อ รับต้นทุนถั่วเหลือง–ข้าวโพดต่ำ ดัน Gross Profit Margin พุ่งแตะ 15–16% พร้อมปักธงรายได้ปีนี้โต 2–3% เดินหน้าลงทุนปีละ1,000–1,200 ล้านบาท ลุยสร้างโรงเชือดใหม่เสร็จปี 69–70 ก่อนต่อยอดโรงงานแปรรูปปรุงสุก เจาะตลาดยุโรป–ญี่ปุ่นด้วยสินค้ามูลค่าเพิ่ม เสริมความแข็งแกร่งระยะยาว
นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.12% จากไตรมาส 2 /2568 อยู่ที่ 583.08 ล้านบาท
โดยเป็นผลมาจากรายได้รวมไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 4,880.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,838.61 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่ซึ่งเพิ่มปริมาณการเชือดไก่จาก 150,000 ตัวต่อวันในปี 2567 เป็น 160,000 ตัวต่อวัน ในปี 2568
ขณะที่ธุรกิจอาหาร มีรายได้ลดลงประมาณ 116 ล้านบาท หรือเกือบ 5% เนื่องจากการส่งออกลดลงเล็กน้อย โดยไตรมาส 2/68 ส่งออกได้ 7,500 ตัน ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ก็ลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะยอดขายอาหารหมู เนื่องจากปัญหาราคาหมูตกต่ำจากโรคหมูเถื่อนและอหิวาต์หมู อย่างไรก็ตาม อาหารปลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนอาหารกุ้งลดลงเล็กน้อย
โดยสัดส่วนรายได้บริษัทแบ่งเป็น ธุรกิจอาหารคิดเป็นร้อยละ 47.65 ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ คิดเป็นร้อยละ 36.00 และธุรกิจอาหารสัตว์ คิดเป็นร้อยละ 16.35 ของรายได้จากการขายรวมในไตรมาสที่ 2 ปี 2568
ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตปัจจุบัน GFPT อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงเชือดไก่แห่งใหม่ที่อำเภอทุ่งขวาง จังหวัดชลบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 (ประมาณปลายไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4) หรืออาจจะเป็นช่วงต้นปี 2027 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้านแรงงาน หลังจากสร้างโรงเชือดไก่แห่งใหม่แล้วเสร็จ โครงการต่อไปคือการสร้างโรงงานแปรรูปปรุงสุก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี หลังจากที่เริ่มก่อสร้าง
โดยบริษัทมีการลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในลักษณะ Organic Growth โดยมีเงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 1,000-1,200 ล้านบาท การลงทุนเหล่านี้รวมถึงฟาร์มเลี้ยงไก่ โรงเชือดไก่แห่งใหม่ และโรงงานแปรรูปปรุงสุกที่จะก่อสร้างในอนาคต
ส่วนแนวโน้มรายได้ปี 2568 คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยประมาณ 2-3% จากปีที่แล้ว ส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) คาดว่าจะอยู่ในกรอบประมาณ 15-16% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ค่อนข้างต่ำในครึ่งหลังของปี ด้านภาษี (Effective Tax Rate) อยู่ในระดับ 10-15%
ด้านนโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์การเปิดนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ เช่น ข้าวโพด, กากถั่วเหลือง คาดว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้ประมาณ 10-15% (รวมค่าขนส่ง) เนื่องจากราคาข้าวโพดในอเมริกาต่ำกว่าตลาดโลกพอสมควรประมาณ 20-30% ก่อนรวมค่าขนส่ง อย่างไรก็ตามการนำเข้าดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในประเทศ และอาจนำไปสู่การประท้วงและการเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น การประกันราคา หรือเงินอุดหนุน
ส่วนการแข่งขันกับคู่แข่งบราซิลเป็นคู่แข่งหลัก โดยเฉพาะในตลาดไก่สดแช่แข็ง แม้ว่า GFPT จะเน้นสินค้าไก่แปรรูปปรุงสุกที่มีมูลค่าเพิ่มสูง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงจากการที่บราซิลอาจพยายามขยายตลาดส่งออกไปยังญี่ปุ่นหรือยุโรปมากขึ้น อย่างไรก็ตามผลกระทบจากบราซิลต่อ GFPT คาดว่าจะไม่เกิน 40-45% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นสินค้าที่มีคุณภาพสูงและการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากกลยุทธ์การเน้นปริมาณของบราซิล
สำหรับโครงการปัจจุบันและอนาคต ปัจจุบัน GFPT กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงเชือดไก่แห่งใหม่ที่อำเภอทุ่งขวาง จังหวัดธนบุรี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 (ประมาณปลายไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ปี 2026) หรืออาจจะเลื่อนเป็นช่วงต้นปี 2570 โดยหลังจากโรงเชือดไก่สร้างเสร็จแล้ว โปรเจกต์ถัดไปคือการขยายธุรกิจโดยการสร้างโรงงานแปรรูปปรุงสุกคาดว่าจะใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี หลังจากที่เริ่มก่อสร้าง ซึ่งจะเริ่มทันทีที่โรงเชือดไก่สร้างเสร็จ
ส่วนปัญหาด้านแรงงาน GFPT มีพนักงานประมาณ 5,000 คน โดยประมาณ 20% (1,000 คน) เป็นแรงงานกัมพูชา หลังเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา แรงงานกัมพูชากลับประเทศไปมากกว่าครึ่งหนึ่งการแก้ไขปัญหา ได้แก่ 1.การให้พนักงานที่เหลือทำโอที (Overtime) เน้นแรงงานพม่าและไทย ซึ่งรวมกันคิดเป็น 80% ของพนักงานทั้งหมด และ 2. การรับสมัครพนักงานใหม่ โดยเน้นแรงงานพม่าที่หาได้ง่ายกว่าแรงงานไทย และอยู่ระหว่างการฝึกอบรมเพื่อทดแทนแรงงานเก่า