
KLINIQ บวก 5% แย้มครึ่งหลังสดใส มั่นใจดันรายได้ปีนี้พุ่ง 3.5 พันล้าน
KLINIQ บวก 5% แย้มครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก เดินหน้าขยายสาขาใหม่ตามแผน มั่นใจดันรายได้รวมปีนี้พุ่งแตะ 3,500 ล้านบาท เตรียมแผนย้ายเทรดใน SET ภายในปีนี้ หรือช้าสุดต้นปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(1ก.ย.68)ราคาหุ้นบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ณ เวลา 15:11 น. อยู่ที่ระดับ 27.00 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.85% ราคาต่ำสุด 25.75 บาท ราคาสูงสุด 27.25บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10.23 ล้านบาท
นายวีระศักดิ์ สินทรัพย์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 รายได้จากการขายและให้บริการ และอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น ทั้งในแง่การให้บริการ, เครื่องมือทางการแพทย์ และการเปิดสาขาใหม่
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 โดยในช่วง 2 เดือนแรก ผลการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย และได้ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างระมัดระวัง แต่ยังคงมีการลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่อง การจัดโปรโมชั่นของแต่ละแบรนด์ และการพัฒนาการบริการให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่วนกรณีปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้รับผลกระทบเลย เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าชาวกัมพูชาที่น้อยมาก จากสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมด 14-15%
“KLINIQ ได้รับผลกระทบน้อยจาก จากเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยที่ค่อนข้างชะลอตัว เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากเราโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าในแต่ละแบรนด์ว่า มีการกลับมาใช้บริการซ้ำหรือไม่ ลูกค้ามีความต้องการ หรือติดขัดส่วนไหน ซึ่ง KLINIQ ได้มีการพัฒนาการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการโฟกัสเรื่องเศรษฐกิจ เชื่อว่าหากเศรษฐกิจดีน่าจะทำผลงานได้ดีขึ้นอีก” นายวีระศักดิ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2568 มั่นใจว่ารายได้รวมเติบโตอยู่ที่ระดับ 3,500 ล้านบาท โดยในปี 2568 บริษัทแผนการเปิดให้บริการสาขาใหม่ 10 สาขา ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เปิดให้บริการไปแล้ว 6 สาขา ภายใต้แบรนด์ THE KLINIQUE จำนวน 1 สาขา L.A.B.X จำนวน 2 สาขา และ L’Clinic จำนวน 3 สาขา ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดให้บริการสาขาใหม่อีก 4 สาขา แบ่งเป็น แบรนด์ THE KLINIQUE จำนวน 2 สาขา L.A.B.X จำนวน 2 สาขา และ L’Clinic จำนวน 1 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการรวม 77 สาขา
ขณะที่บริษัทมีแผนที่จะย้ายหลักทรัพย์เข้าซื้อขาย (เทรด) จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในสิ้นปี 2568 หรือช้าสุดภายในต้นปี 2569 นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาและมองหาโอกาสในการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ บริษัทมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน และให้สอดรับกับอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวได้ดี