จับตา ครม.รักษาการ! “ภูมิธรรม”นำถกอำนาจ “ยุบสภา” – “บีโอไอ”ชงกฎหมายเพิ่มความสามารถแข่งขัน

การประชุม ครม. รักษาการภายใต้การนำ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ถูกจับตาเป็นพิเศษ เมื่อมีวาระซ้อนที่น่าติดตาม ทั้งมิติการเมืองที่ร้อนแรง จากกระแสข่าวการถกเถียงอำนาจ “ยุบสภา” เพื่อชี้ชะตาอนาคตของรัฐบาล และมิติเศรษฐกิจที่เดิมพันด้วยอนาคตการลงทุนของประเทศ ผ่านการเสนอ “ร่าง พ.ร.บ. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ” จากบีโอไอ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสู้ศึกดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติในสมรภูมิเศรษฐกิจโลก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.ย.68) เวลา 10:00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคระรัฐมนตรี (ครม.) หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา และ ครม. พ้นทั้งคณะ

ทั้งนี้ ครม. รักษาการต้องปฏิบัติตามระเบียบราชการแผ่นดิน การอนุมัติใด ๆ ต้องไม่เป็นเรื่องใหม่ และไม่ผูกพันต่อ ครม. ชุดถัดไป

ล่าสุดมีกระแสข่าวระบุว่า การประชุม ครม. รักษาการ ในวันนี้ อาจมีการเสนอวาระหารือเกี่ยวกับอำนาจการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีรักษาการ เพื่อรวบรวมความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปประกอบการตัดสินใจในลำดับถัดไป

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ ก่อนเข้าร่วมประชุม ครม. ถึงอำนาจการยุบสภาของรักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า ตอนนี้มีการพูดจนสับสนไปหมดแล้ว ขอรอดูว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นไปแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยน

วาระการประชุมที่น่าจับตาในวันนี้ ได้แก่ การที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมเป้าหมาย

อีกวาระสำคัญ มีรายงานว่าจะมีการเสนอเรื่องเกี่ยวกับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด EEC) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 มีมติรับทราบปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข โดยบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ผู้รับสัมปทาน ได้ติดตามเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

และมีการปรับเงื่อนไข อาทิ การสละสิทธิ์ในการรอหนังสือเริ่มงาน (NTP) ที่เคยผูกกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน รวมถึงปรับการพัฒนาจากเดิม 4 ระยะ เป็น 6 ระยะ โดยในระยะแรกจะทยอยพัฒนาเป็นเฟสย่อย เริ่มต้นรองรับผู้โดยสาร 3 ล้านคนต่อปี จากเดิมที่วางไว้ 12 ล้านคนต่อปี เพื่อลดภาระการลงทุนให้เหมาะสมกับปริมาณผู้โดยสารจริง

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง เสนอร่างประกาศฯ ขยายเวลาการจัดเก็บอากรศุลกากร สำหรับสินค้านำเข้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท อีก 1 ปี เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันระหว่างผู้ขายไทยกับต่างประเทศ

ขณะที่ กระทรวงศึกษาธิการ ขอใช้งบกลางสนับสนุนโครงการอาหารเสริมนม และกระทรวงมหาดไทย เสนอใช้งบกลางสำหรับโครงการอาหารกลางวัน อาหารเสริมนม และค่าใช้จ่ายบุคลากรสาธารณสุขบรรจุใหม่ รวมถึงโครงการขยายเขตไฟฟ้าหมู่บ้าน ระยะที่ 3

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“เลขากฤษฎีกา” ย้ำ นายกรักษาการยุบสภาไม่ได้ – ครม. ยังมีอำนาจเต็มเหมือนเดิม

อดีตกรรมการร่าง รธน. 60 ชี้ รักษาการนายกยุบสภาได้ – อำนาจเต็ม 100%

Back to top button