
“อมรเทพ” มอง กนง. คงดอกเบี้ย ต.ค. 1.50% – ลด ธ.ค. แนะเสริมมาตรการคุมบาทแข็ง
ดร.อมรเทพ ประเมิน กนง. คงดอกเบี้ย ต.ค. ที่ 1.50% รอดูผลมาตรการคลัง โดยเฉพาะ “คนละครึ่ง” ก่อนปรับลด ธ.ค. พยุงเศรษฐกิจปีหน้า พร้อมเสนอ ธปท. ใช้มาตรการเสริมดูแลค่าเงินบาทและเพิ่มสินเชื่อเข้าสู่ระบบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ย.68) ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “อมรเทพ จาวะลา” ระบุถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมรอบถัดไปในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ว่า “ทำไมผมคิดว่ากนง. จะคงดอกเบี้ยรอบเดือนตุลานี้ แล้วค่อยลดเดือนธันวา นั่นเพราะเราน่ารอให้มาตรการคลังขยับ และหามาตรการแก้ปัญหาอื่นให้ทำงานก่อน”
โดยดร.อมรเทพ มีมุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยไทยว่า แม้เฟดจะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ไทยมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายการเงิน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว โดยคาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ในการประชุมเดือนตุลาคม เพื่อรอดูผลของมาตรการเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะมาตรการ “คนละครึ่ง” ที่อาจช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและความเชื่อมั่นได้ในระยะสั้น
หากมาตรการหมดลงและกำลังซื้อกลับมาอ่อนแออีกครั้ง กนง. น่าจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม เพื่อพยุงเศรษฐกิจในปีหน้า โดยยังคงมุมมองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะอยู่ที่ระดับ 1.25% ในช่วงปลายปีนี้ และหากอัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือ 1.00% ก็อาจเป็นไปได้ คือปรับลดทั้งเดือนตุลาคมและธันวาคม แต่ควรดำเนินควบคู่กับมาตรการอื่น ไม่ใช่พึ่งดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว
ดร.อมรเทพ ยังระบุว่า นอกจากการลดดอกเบี้ยแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจต้องพิจารณามาตรการอื่นเพิ่มเติม เช่น ดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก, เร่งการปล่อยสินเชื่อ, ลดการรักษาสภาพคล่องส่วนเกิน และอัดฉีดเงินผ่านตลาดการเงิน
“หากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหาในปีหน้า เช่น การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ที่อาจกระทบการเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุน แม้จะเป็นปัจจัยชั่วคราว แต่ก็อาจจำกัดขอบเขตการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งทางออกที่เหมาะสมคือการใช้มาตรการทางการเงินอื่นควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ” ดร.อมรเทพ ระบุ
ทั้งนี้ กนง. เพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.50% ขณะที่การประชุมครั้งถัดไปกำหนดไว้วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากนายวิทัย รัตนากร เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ค่าเงินบาทล่าสุด (19 ก.ย.68) ปิดตลาดในประเทศที่ 31.84 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อนหน้า (12 ก.ย.68) ที่ 31.71 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (22–26 ก.ย.68) ไว้ที่ 31.50–32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ