พักฐานระยะสั้น

ชัดแล้วครม. “อนุทิน” โผล่ตามคาด...หลังจากนี้เดินหน้าเศรษฐกิจเต็มสูบ ดังนั้น “โมนิก้า” ขอเปิดประเด็นด้วยประโยคเด็ด... “เกมการเมืองเคลียร์แล้ว เกมเศรษฐกิจต้องลุยต่อ!”


ชัดแล้วครม. อนุทินโผล่ตามคาด…หลังจากนี้เดินหน้าเศรษฐกิจเต็มสูบ ดังนั้น โมนิก้า” ขอเปิดประเด็นด้วยประโยคเด็ด… “เกมการเมืองเคลียร์แล้ว เกมเศรษฐกิจต้องลุยต่อ!” ก็ในเมื่อถูกเปิดชื่อโผครม.ชุดใหม่อย่างเป็นทางการแบบไม่มีพลิกล็อก งานนี้บอกได้คำเดียวว่า “แรงแน่นอน” เพราะเจ้าตัวเปิดหน้าชูธงนโยบายเศรษฐกิจแบบจัดหนักทันทีเพคะ

โดยประเดิมแรกเริ่มลุยด้วยโครงการ คนละครึ่ง ที่คราวนี้ไม่ใช่แค่แจกแล้วจบ แต่พ่วงมาด้วยมาตรการลด ค่าโดยสารรถไฟฟ้า และค่าไฟฟ้า เพื่อบรรเทาภาระประชาชนอย่างเห็นผลในทันที ซึ่ง “โมนิก้า” เห็นแล้วต้องบอกเลยว่าว้าวมาก เพราะจะกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ….เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาโดยเร็วหลังจากชะลอมาระยะหนึ่งแล้วเพคะ

แน่นอนว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ พลังงาน, ขนส่ง, ค้าปลีก, อาหาร ที่มีโอกาสถูกใช้มากขึ้นจากแรงกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ก็จะกลายเป็น “กลุ่มเป้าหมายหลัก” ที่มีลุ้นกำไรโตเด่นในระยะถัดไป และถ้าใครตามสไตล์โมนิก้ามานาน จะรู้ว่าเวลาแบบนี้แหละ “หุ้นบางกลุ่มจะเกิด” เพราะภาพใหญ่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า แต่แรงสะเทือนจะเด้งขึ้นไปถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้แบบเนียน ๆ จับตาให้ดี อย่ามัวแต่ลังเลนะเจ้าคะ

แม้ว่า SET Index จะย่อตัวลงเล็กน้อยในวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 1,292.72 จุด ลบไป 4.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 4.80 หมื่นล้านบาท แต่ “โมนิก้า” ขอบอกเลยว่า… ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเลย เพราะดัชนีที่ปรับลงเล็กน้อยแบบนี้มองว่าเป็นเพียง การพักฐานระยะสั้น หลังจากที่ตลาดขยับขึ้นมาหลายวันติดกัน บรรยากาศของการ “ขายทำกำไร” ย่อมเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติของตลาด แถมไม่มีแรงเทขายหนักแบบ panic sell ให้ต้องสะดุ้งโหยงแต่อย่างใดเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับรายของ MINT ที่แม้ว่าราคาหุ้นจะย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 23.80 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 0.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 476 ล้านบาท แต่งานนี้ “โมนิก้า” ขอบอกเลยว่า… “ไม่หวั่นแม้วันราคาลง” เพราะการอ่อนตัวของราคาหุ้นในรอบนี้ มองว่าเป็นแค่จังหวะปรับฐานตามตลาด และยังเปิดโอกาสทองสำหรับนักลงทุนสายสะสมของดี ที่มอง ปัจจัยพื้นฐานระยะกลางถึงยาวมากกว่าการแกว่งตัวรายวันเจ้าค่ะ

ขณะที่ในรายของ TISCO ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 101.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 422 ล้านบาท งานนี้ “โมนิก้า” บอกเลยว่า… ของจริงไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะการดีดตัวของหุ้นรอบนี้ ไม่ได้เกิดจากแรงเก็งกำไรเพียว ๆ แต่เป็นการสะท้อน “ปัจจัยพื้นฐาน” ที่แข็งแรง และทางกูรูคาดแนวโน้มงบ Q3/68 ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนมากขึ้นอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท บวกกับการเติบโตของ พอร์ตสินเชื่อ ดังนั้นเป้าหมาย 108 บาท ก็ถือว่า “ใกล้แค่เอื้อม” เท่านั้นเจ้าค่ะ

เหมือนกับรายของ SAWAD ราคาหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 30.00 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 797 ล้านบาทโมนิก้า” มองว่าเป็นผลจากพื้นฐานที่แข็งแรงขึ้น บวกกับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะลดลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ ดังนั้นแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น แต่ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนในจังหวะนี้ เพราะราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ราว 17% หลังนักวิเคราะห์ขยับมูลค่าพื้นฐานปี 69 ขึ้นไปที่ 36 บาท เจ้าค่ะ

ปิดท้ายด้วยร้านอาหารสุดฮอตอย่าง MAGURO ราคาหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.30 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86 ล้านบาทโมนิก้า” มองว่าการเก็งกำไรหนนี้ได้แรงหนุนจากแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง… โดยเฉพาะ 2 แบรนด์ใหม่อย่าง BINCHO และ KIWAMIYA ร้านแฮมเบิร์กเจ้าดังจากญี่ปุ่นที่กระแสตอบรับดี ลูกค้าแน่นปังทุกสาขา แถมยังเดินหน้าขยายสาขาใหม่แบบไม่มีพัก… แบบนี้ ว่ากลิ่นงบไตรมาส 3/68 น่าจะออกมาหล่อ ๆ ไม่เบาเจ้าค่ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button