
ดักเก็บหุ้น รพ.
วานนี้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (รพ.) ร่วงกันถ้วนหน้า นำโดย BH ลดลง 0.85%, BDMS ลดลง 0.98% และ BCH ลดลง 1.54%
วานนี้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (รพ.) ร่วงกันถ้วนหน้า
นำโดยบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ลดลง 0.85%
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ลดลง 0.98%
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ลดลง 1.54%
ทั้งสามหุ้นกลุ่ม รพ. ที่ร่วงลงมา หลังจาก รมว.พาณิชย์ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” มีนโยบายที่จะเข้าไปควบคุมราคายาของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน
ส่วนบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ในช่วงเปิดตลาดวานนี้ ปรับลงไปเช่นกัน
ทว่าระหว่างวันสามารถดีดกลับขึ้นมาได้ และขยับปิดในแดนบวก มาที่ 23.20 บาท + 0.43%
ราคาหุ้นที่ปรับลงของกลุ่มหุ้น 3 โรงพยาบาลขนาดใหญ่ คือ BH BDMS BCH นั้น เปิดตลาดในช่วงภาคเช้า ต่างลงมาค่อนข้างลึกพอสมควร
แต่มีแรงเข้ามาดักเก็บ ทำให้ราคาค่อย ๆ ดีดกลับขึ้นมาได้ และปิดตลาดลดลงไม่มากนัก
มีเพียง BCH ที่ปิดตลาดยังลดลง -1.54% โดยระหว่างวันราคาลงมาลึกสุด 12.60 บาท ก่อนจะขยับจะขึ้นจมาปิด 12.80 บาท ลดลง 0.20 บาท
มีการวิเคราะห์ว่า นโยบายของ รมว.พาณิชย์ อาจไม่ได้ส่งผลกระทบกับโรงพยาบาลเอกชนมากนัก
ด้วยเพราะเป็นสิ่งที่ควบคุมยาก
ไม่เพียงเท่านั้น จะว่าไปแล้วคุณหมอ (น่าจะส่วนมาก) ที่อยู่โรงพยาบาลเอกชน จะถามคนไข้ด้วยว่า สะดวกไปซื้อยานอกโรงพยาบาลไหม
หากคนไข้สะดวก คุณหมอก็จะเขียนใบสั่งยาให้ แล้วให้คนไข้ไปซื้อข้างนอก
เว้นแต่คนไข้ไม่สะดวก ก็จะให้คุณหมอสั่งยาในโรงพยาบาลให้เลย
แม้ว่าราคายาของโรงพยาบาลเอกชน เมื่อเทียบกับออกมาซื้อร้านยา (โดยเฉพาะร้านขายส่ง) จะแตกต่างกันมากกว่าเท่าตัว แต่โรงพยาบาลเอกชนเอง เขามีต้นทุนค่อนข้างสูง
โดยที่ผ่านมากลุ่มโรงพยาบาลเอกชน จะมีนำกำไรจากค่ายา ไปหนุนรายจ่ายด้านอื่น ๆ เช่น ค่าห้อง ค่าบริการต่าง ๆ ฯลฯ
ส่วนวันนี้ น่าจะเห็นการดักเก็บหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลกันอีกโดยเฉพาะ BCH ที่ยังฟื้นตัวไม๋มากนัก
ส่วนภาพรวมหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีปิดบวกเพียง 0.86 จุด โดยได้หุ้นเดลต้าฯ DELTA เข้ามาช่วยหนุนดัชนีไม่ให้ปิดในแดนลบ ไม่อย่างนั้นดัชนีฯ วานนี้อาจลบได้มากถึง 10 จุด หลุดแนวรับ 1,275 จุด ที่เป็นระดับการปิดของดัชนีวานนี้พอดี
ในทางเทคนิค มองกันว่า หากดัชนีหลุด 1,275-1270 จุด
จะมีโอกาสที่ดัชนีจะลงมาลึกถึง 1,230 จุด
จึงมีการแนะนำให้ wait and see ไปก่อน เพื่อดูทิศทางของดัชนี อย่าเพิ่มผลีผลามเข้าไปเก็บฟุ้น เว้นแต่จะซื้อแบบ DCA หรือเข้าทีละไม้ (เข้าแบบทยอยซื้อ)
หุ้นอีกกลุ่มที่น่าสนจคือ “ธนาคาร”
หุ้นกลุ่มธนาคาร แม้จะทยอยถูกขายออกมา แต่หากดูราคา ดูแนวรับแล้ว ยังถือว่า ยืนได้ค่อนข้างแข็ง
ขณะที่สัปดาห์กว่า ๆ กลุ่มธนาคารจะเริ่มแจ้งบงบการเงินไตรมาส 3/2568 กันออกมาแล้ว
ล่าสุด บทวิเคราะห์ของหลายโบรกเกอร์ มองตรงกันว่า หุ้นแบงก์ส่วนใหญ่จะรายงานกำไรสุทธิลดลงบ้างจาก การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น
จะมีเพียงแบงก์กรุงไทย หรือ KTB ที่กำไรสุทธิ จะเพิ่มขึ้นทั้งจากเทื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน (Q3/67) และเทียบกับไตรมากส่อนหน้า (Q2/68)
ราคาหุ้นกรุงไทยที่ขยับลงมาต่ำกว่า 25.00 บาท
น่าจะมาจากเรื่องสถาบันจัดอันดับความ่นาเชื่อถือมีการปรับมุมมองหุ้นกรุงไทย
และอาจจะรวมถึงนโยบายภาครัฐเรื่องของการพักหนี้ด้วย (พักหนี้สำหรับผู้มีหนี้ไม่เกิน 1 แสนบาท) เพราะมีการกล่าวถึงแบงก์กรุงไทยเข้าไปด้วย
ล่าสุด มีข่าวว่า แทบจะไม่มีผลลบของกรุงไทย
ราคาที่ลงมา จึงน่าจะเป็นจังหวะเข้าสะสมได้เช่นกัน เพื่อเก็งกำไรรับงบไตรมาส 3/68