
ตลาดหุ้นกับรัฐบาลใหม่
จุดต่ำสุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ก็คือ 1,062 จุด เมื่อ 23 มิย. 68 ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้น ปรับตัวต่อเนื่อง ข้ามหลัก 1,100 จุด 1,200 จุด สามารถผ่านหลัก 1,300 จุดมาได้
จุดต่ำสุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ก็คือ 1,062 จุด เมื่อ 23 มิย. 68 ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้น ปรับตัวต่อเนื่อง ข้ามหลัก 1,100 จุด 1,200 จุด สามารถผ่านหลัก 1,300 จุดมาได้โดยทำจุดสูงสุดที่ 1,308 จุดเมื่อ 16 ก.ย.
สถานะปัจจุบัน กำลังหาทางไต่ระดับเข้าหาไฮเดิมใหม่ และมีลุ้นให้ดัชนีข้ามไปถึง 1,400 จุด อันเป็นดัชนีปิดสิ้นปี 2567 ส่วนจะไต่ข้ามเป้าหมายได้หรือไม่ ผลงานรัฐบาล 4 เดือนของนายอนุทิน และนโยบาย “ควิก บิ๊ก วิน” ของเขา ก็มีส่วนชี้ขาดอยู่ไม่น้อย
อันที่จริงการเป็นรัฐบาลที่มีเวลาทำงานแค่ 4 เดือนบวกกับระยะเวลารักษาการอีก 45 หรือ 60 วัน ก็เป็นข้อจำกัดประการหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็อาจจะคัดเลือกโครงการดี ๆ ของรัฐบาลชุดก่อน ๆ มาใช้ได้
อาทิเช่น โครงการคนละครึ่ง ที่เวิร์กมากตอนแก้ปัญหาโควิดสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลอนุทินได้ปัดฝุ่นมาใช้แล้ว หรือโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งช่วยลดภาระค่าเดินทางของประชาชนได้เป็นอันมาก
อัตราค่าโดยสารอาจจะปรับเป็น 25 หรือ 30 บาท เพื่อลดภาระการอุดหนุนของรัฐบาลก็ยังไหว
โครงการพัฒนาท่าเรือระนองของการท่าเรือฯ ก็น่าสนใจมาก รัฐบาลควรเข้าให้การสนับสนุน เพราะจะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าทางทะเลไปยังประเทศในกลุ่ม “บิมสเทค” 7 ประเทศตั้งแต่อ่าวเมาะตะมะไปจรดอินเดียได้ถึง 2 ใน 3 จากระยะเวลาเดิม
โดยไม่จำเป็นต้องสร้างความฝันราคาแพง แลนด์บริดจ์แนวชุมพร-ระนองถึง 1 ล้านล้านบาท
รัฐมนตรี 4 ท่านจาก “คนนอก” อันได้แก่ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รมว.คลัง, อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน, สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ และศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ หน้าตาหล่อเหลาและสวยงามมาก
สามารถเรียกความเชื่อถือศรัทธาทั้งในแง่ของความรู้ความสามารถกอปรกับความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่รัฐบาลใหม่ป้ายแดงได้ไม่น้อย
รัฐมนตรีท่านอื่น ๆ บางคน อาจจะขี้ริ้วขี้เหร่ไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ส่วนประกอบหลักของรัฐบาล และก็ถือว่าเป็นธรรมดาของการเมืองในระบบนี้ จะต้องมีขาวมีเทาปะปนกันไปเป็นองค์ประกอบบ้าง
นอกจากนี้ การมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยมีฝ่ายค้านที่ทรงพลังและพอจะไว้วางใจได้อย่างพรรคประชาชน ก็เป็นหลักประกันอย่างดีในการคุ้มครองประโยชน์แห่งสาธารณะ และถ่วงดุลรัฐบาล มิให้ใช้อำนาจในทางมิชอบ
ไม่แน่นักหรอก อาจจะมี “เจ้าชายในดงโจร” เกิดขึ้นก็เป็นไปได้
ตลาดหุ้นคงตั้งความหวังในด้านผลงานกับรัฐบาลใหม่ เพียงแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเมืองที่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะการรื้อทิ้งรัฐธรรมนูญปีศาจที่ฉุดรั้งการพัฒนาเสียที