กทม. ปลดล็อกหนี้รถไฟฟ้าสีเขียว 3.2 หมื่นล้าน ปิดบัญชีก่อนสิ้นเดือนนี้

สภา กทม. ไฟเขียวงบกว่า 3.26 หมื่นล้านบาท จากเงินสะสมจ่ายขาด เพื่อชำระหนี้ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว “ชัชชาติ” ยืนยันจ่ายครบ 31 ต.ค.นี้ ลดภาระดอกเบี้ยวันละหลายล้านบาท พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างค่าโดยสารให้สะท้อนต้นทุนจริง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ต.ค.68) ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงินไม่เกิน 32,625,106,200 บาท เพื่อใช้จากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) สำหรับชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว วาระที่ 2 และวาระที่ 3

โดย นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ รายงานผลการพิจารณาร่างข้อบัญญัติว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 หลังผ่านวาระแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณารายละเอียดครบถ้วน โดยมีสำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีข้อสังเกตสำคัญ 2 ประเด็น คือ

  1. กทม. ควรกำหนดแนวทางชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ให้ชัดเจน เพื่อให้ กทม. สามารถชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง (O&M) ได้ หากผิดนัดชำระหนี้อีกอาจก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนของการต้องชำระค่าดอกเบี้ยในอัตราที่สูง และ
  2. หน่วยรับงบประมาณควรเร่งดำเนินการเบิกจ่าย เพื่อประโยชน์ในการลดภาระดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ร่างข้อบัญญัติดังกล่าวตั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 32,625,106,200 บาท เพื่อใช้จากเงินสะสมจ่ายขาด สำหรับชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยคณะกรรมการฯ เห็นชอบให้ผ่านร่างงบประมาณนี้ โดยไม่มีการสงวนความเห็น

ในที่สุดที่ประชุม สภา กทม. ลงมติเอกฉันท์ 48 เสียงเห็นชอบ ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ให้ประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร พร้อมเห็นชอบตามข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญฯ ก่อนส่งต่อให้ฝ่ายบริหารดำเนินการ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า กทม. พร้อมชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถ ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีที่ 2 ภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ รวมวงเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยใช้จากเงินสะสมจ่ายขาด ซึ่งเป็นเงินไม่มีภาระผูกพัน หลังชำระแล้ว จะเหลือเงินสำรองประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และไม่กระทบต่อการดำเนินงานของ กทม.

นายชัชชาติ ระบุอีกว่า การเร่งชำระหนี้เป็นการปลดภาระ ที่ค้างคามายาวนาน เพราะศาลมีคำพิพากษาชัดเจนว่ากรุงเทพมหานครต้องปฏิบัติตามสัญญา หากยื้อเวลาออกไป จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา MLR+1% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหลายเท่า ปัจจุบันดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นมีจำนวนหลายล้านบาทต่อวัน

สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัจจุบัน กทม. มีค่าจ้างเดินรถปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท แต่จัดเก็บรายได้เพียง 2,000 ล้านบาท ทำให้ต้องแบกรับส่วนต่าง 6,000 ล้านบาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายสีเขียวมี 2 ส่วน ส่วนไข่แดงเป็นสัมปทานของเอกชน เก็บสูงสุดไม่เกิน 45 บาท ส่วนต่อขยาย 1–2 กทม. เก็บเอง จ้างเอกชนเดินรถ ปีหนึ่งต้องจ่าย 8,000 ล้านบาท แต่เก็บรายได้ได้ 2,000 ล้าน ต้องจ่ายส่วนต่าง 6,000 ล้านต่อปี นายชัชชาติ กล่าว

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุเพิ่มเติมว่า จำเป็นต้องปรับโครงสร้างค่าโดยสารเพื่อสะท้อนต้นทุนจริงและความเป็นธรรมต่อประชาชนทุกกลุ่ม โดยใช้สูตร 17 บาท + 3X (ตามระยะทาง) คาดว่าจะช่วยลดค่าโดยสารสำหรับผู้เดินทางระยะสั้น เช่น จากจตุจักรไปเซ็นทรัลลาดพร้าว เคยจ่าย 15 บาท อาจจ่ายลดลงเหลือเพียง 3-4 บาท ส่วนผู้เดินทางไกลอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ยังคงค่าโดยสารตลอดสายไม่เกิน 65 บาท

Back to top button